Page 2122 - บทคดยอการทดลองสนสด 58 สมบรณ_Neat
P. 2122

รายงานผลการทดลองสิ้นสุด ปี 2558



                       1. ชุดโครงการวิจัย          การใช้ประโยชน์จากแป้งพืชศักยภาพ

                       2. โครงการวิจัย             วิจัยพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากแป้งพืชศักยภาพ
                       3. ชื่อการทดลอง             การเตรียมบรรจุภัณฑ์ชีวภาพจากแป้งของพืชที่มีศักยภาพ

                                                   The Preparation of Bio - Packaging from Crop Starch
                                                                  1/
                       4. คณะผู้ดำเนินงาน          นภัสสร  เลียบวัน             กนกศักดิ์  ลอยเลิศ 1/
                                                   ศิริพร  เต็งรัง 1/

                       5. บทคัดย่อ
                              มันสำปะหลังเป็นแหล่งของสตาร์ชที่สำคัญของประเทศไทย ฟิล์มจากสตาร์ชมันสำปะหลัง

                       มีลักษณะกรอบเปราะและไม่แข็งแรง จึงต้องเติมพลาสติกไซเซอร์เพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่นของฟิล์ม

                       ซึ่งส่งผลให้ฟิล์มมีความแข็งแรงและการป้องกันไอน้ำของฟิล์มลดลง การผสมพอลิเมอร์ชีวภาพสามารถ
                       ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติให้กับฟิล์มจากสตาร์ชมันสำปะหลัง งานวิจัยนี้จึงนำแอลจิเนตมาผสมกับสตาร์ช

                       มันสำปะหลัง เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของฟิล์มและนำมาขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ ทำการทดลองที่กองวิจัย

                       และพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ระหว่างปี 2557 - 2558 ทำการทดลอง
                       โดยการล้างทำความสะอาดและลดขนาดมันสำปะหลังให้เป็นแผ่น นำไปบีบอัดเพื่อให้ได้น้ำแป้ง ทิ้งไว้ให้

                       ตกตะกอน ที่อุณหภูมิห้อง จนกว่าแป้งที่ตกตะกอนจะเป็นสีขาว แล้วรินน้ำทิ้งเหลือแต่แป้งที่ตกตะกอน
                       อบด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง แล้วนำมาบด ได้เป็นผงสตาร์ช

                       ละเอียด นำมาวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี และขึ้นรูปโดยผสมสตาร์ชมันสำปะหลังและแอลจิเนต

                       ในอัตราส่วน 100/0, 95/5, 90/10, 85/15, 80/20, 75/25 และ 70/30  พบว่า การผสมแอลจิเนต
                       ไม่มีผลให้ความหนาของฟิล์มแตกต่างกัน (P≥0.05) แต่ส่งผลให้ความโปร่งแสง ความชื้น และการละลายน้ำ

                       ของฟิล์มเพิ่มขึ้น และ a  ของฟิล์มลดลง (P<0.05) เมื่อความเข้มข้นของแอลจิเนตเพิ่มขึ้นส่งผลให้ฟิล์ม
                                          w
                       มีความต้านทานต่อแรงดึงขาดและโมดูลัสของการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นและการยืดตัวลดลง (P<0.05) ฟิล์มผสม

                       สตาร์ช-แอลจิเนตมีค่า WVTR ต่ำกว่าฟิล์มสตาร์ชไม่ผสม (ชุดควบคุม) (P<0.05) แต่ค่า OTR มีแนวโน้ม

                       สูงขึ้นเมื่อความเข้มข้นของแอลจิเนตเพิ่มขึ้น (P<0.05) เมื่อนำฟิล์มมาทดสอบการย่อยสลายทางชีวภาพ
                       พบว่าฟิล์มผสมสตาร์ช-แอลจิเนตสูญเสียน้ำหนัก 87.73 - 68.04 เปอร์เซ็นต์ หลังจากฝังกลบเป็นเวลา

                       3 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการย่อยสลายเกิดขึ้น โดยความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของแอลจิเนตส่งผลให้ฟิล์ม

                       สูญเสียน้ำหนักช้าลง จากผลการทดสอบเลือกฟิล์มผสมสตาร์ช-แอลจิเนตอัตราส่วน 90/10 มาขึ้นรูป
                       เป็นซองและทดสอบบรรจุขนมปังแครกเกอร์ เปรียบเทียบกับซองขึ้นรูปจากฟิล์มชุดควบคุม และฟิล์ม

                       ทางการค้า (ฟิล์มอาบไออลูมิเนียม) พบว่าขนมปังแครกเกอร์ที่บรรจุในซองจากฟิล์มผสมสตาร์ช-แอลจิเนต

                       และฟิล์มสตาร์ช มีความชื้นเพิ่มขึ้นหลังจากเก็บความชื้นสัมพัทธ์ 65 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 15 วัน ส่งผลให้
                       สูญเสียความกรอบ แสดงให้เห็นว่าฟิล์มทั้งสองไม่เหมาะสมที่จะนำมาบรรจุอาหารที่มีความกรอบ

                       _______________________________________________
                       1/ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร



                                                           2055
   2117   2118   2119   2120   2121   2122   2123   2124   2125   2126   2127