Page 2124 - บทคดยอการทดลองสนสด 58 สมบรณ_Neat
P. 2124

รายงานผลการทดลองสิ้นสุด ปี 2558



                       1. ชุดโครงการวิจัย          การลดการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชหลังการเก็บเกี่ยว

                       2. โครงการวิจัย             การจัดการโรคและสารพิษจากเชื้อราในผลิตผลเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว
                                                   โดยไม่ใช้สารเคมี

                       3. ชื่อการทดลอง             การใช้สารสกัดจากเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์เพื่อลดความสูญเสียของผลไม้
                                                   หลังการเก็บเกี่ยว

                       4. คณะผู้ดำเนินงาน          บุญญวดี  จิระวุฒิ            อมรา  ชินภูติ 1/
                                                                  1/
                                                   รัตตา  สุทธยาคม 1/
                       5. บทคัดย่อ

                              โรคผลเน่าของเงาะ (Nephelium lappaceum L.) สาเหตุจากการเข้าทำลายของเชื้อรา

                       หลายชนิด คือ เชื้อรา Lasiodiplodia theobromae, Gliocephalotrichum spp., Colletotrichum
                       gloeosporioides, Pestalotiopsis sp. และ Phomopsis sp. เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้คุณภาพของ

                       ผลเงาะลดลง อายุการเก็บรักษาสั้น งานวิจัยนี้ได้ศึกษาประสิทธิภาพแบคทีเรียปฏิปักษ์ในการควบคุม

                       โรคผลเน่าของเงาะ แบคทีเรียปฏิปักษ์แยกจากเมล็ดถั่วลิสง ลำไยอบแห้ง ขั้วหวีของกล้วย และ เมล็ดถั่วแดง
                       ได้แบคทีเรียปฏิปักษ์จำนวน 10 สายพันธุ์ เมื่อนำมาทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมโรคผลเน่าที่เกิดจาก

                       การปลูกเชื้อรา L. theobromae เป็นเวลา 18 ชั่วโมง หลังจากนั้นพ่นด้วยแบคทีเรียปฏิปักษ์ ความเข้มข้น
                         8
                       10  cfu/ml เปรียบเทียบกับพ่นด้วยน้ำ (กรรมวิธีควบคุม) และโปรคลอราช ความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม
                       ต่อลิตร วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (CRD) พบว่า แบคทีเรียปฏิปักษ์ สายพันธุ์ DL9, PN10 และ

                       DL7 สามารถยับยั้งความรุนแรงของโรคผลเน่าของเงาะที่ปลูกเชื้อรา L. theobromae ได้ 57.82, 55.82
                       และ 52.97 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ และมีประสิทธิภาพในการยับยั้งความรุนแรงของโรคได้ดีกว่า

                       โปรคลอราช 500 มิลลิกรัมต่อลิตร
                              แบคทีเรียปฏิปักษ์ทั้ง 3 สายพันธุ์ (PN10, DL7 และ DL9) เป็นแบคทีเรียรูปท่อน ติดสีแกรมบวก

                       สร้างเอ็นโดสปอร์ และสามารถสร้างเอนไซม์คะตะเลส จัดอยู่ในกลุ่ม Bacillus นำแบคทีเรียปฏิปักษ์ทั้ง 3

                       สายพันธุ์ มาจัดจำแนกชนิดของแบคทีเรียด้วยชุดตรวจสอบ API test kit และเทคนิคทางชีวโมเลกุล พบว่า
                       สายพันธุ์ DL7 มีลำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ 16S rDNA gene เหมือนกับแบคทีเรีย Bacillus siamensis

                       100.00 เปอร์เซ็นต์ ส่วน PN 10 และ DL 9 มีลำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ 16S rDNA gene เหมือนกับ

                       แบคทีเรีย 2 ชนิด 99.91 และ 99.86 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ Bacillus siamensis  และ Bacillus
                       amyloliquefaciens sub sp. plantarum แบคทีเรียปฏิปักษ์ PN10, DL7 และ DL9 สามารถสร้าง

                       สารต้านเชื้อรา (antifungal) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเส้นใยและสปอร์ของเชื้อรา จากการทดสอบ

                       ในจานอาหารเลี้ยงเชื้อ ทำการแยกสารสกัดหยาบจากแบคทีเรียปฏิปักษ์ 3 สายพันธุ์ คือ PN10, DL7


                       _______________________________________________
                       1/ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร



                                                           2057
   2119   2120   2121   2122   2123   2124   2125   2126   2127   2128   2129