Page 166 - จิตรกรรมปริศนาธรรมภาคใต้
P. 166
การท่ีจะสังเคราะห์ได้ดี จะต้องมีข้อมูลท่ีดี และเป็นข้อมูลที่ได้รับการกลั่นกรองอย่างน่าเช่ือถือมาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งควรมีลักษณะดังนี้
1. เป็นแหล่งข้อมูลท่ีมีความชานาญ เร่ืองที่เราต้องการค้นคว้าต้องเป็นผู้เช่ียวชาญ จะทาให้มีข้อมูลที่มีความ ลึกซึ้ง แม่นยา และน่าเชื่อถือมากข้ึน
2. เป็นแหล่งข้อมูลที่ทันสมัยในขณะนั้นและกว้างไกลสุดพรมแดนความรู้ สามารถนามาต่อยอดบนฐานท่ีคนอื่น ได้ทาไว้และรวบรวมไว้แล้ว
วิธีทํา 1. กํารกําหนดลักษณะของข้อมูลท่ีนํามําสังเครําะห์ งํานวิจัยและงํานสร้ํางสรรค์ท่ีเกี่ยวข้อง
สชุ าติ เถาทอง (2553) “กํารวจิ ยั เชงิ สรํา้ งสรรคท์ ศั นศลิ ป”์ อธบิ ายไวว้ า่ เปน็ การทา งานสรา้ งสรรคโ์ ดยการปฏบิ ตั ิ เป็นเคร่ืองมือนาไปสู่ความรู้ใหม่ในสาขานั้นๆ ท้ังนี้อาจเน้นถึงความรู้ท่ีได้จากกระบวนการศึกษาและสร้างสรรค์ท่ีแสดงออก ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน (Originality) หรือการพัฒนาความรู้ในการปฏิบัติงานสร้างสรรค์ในสาขาหนึ่งๆ
สน สีมาตรัง (2543) ทาวิจัยสร้างสรรค์เร่ือง คติควํามเชื่อและแนวคิดกํารออกแบบภําพจักรวําลตํามคติ พทุ ธศําสนํา นกิ ํายเถรวําทในจติ รกรรมฝําผนงั เปน็ การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจติ รกรรมรว่ มสมยั ทผี่ สมผสานศลิ ปะไทยวฒั นธรรม ตะวันออก หลักธรรมคาสอนของชาวพุทธ หลักปรัชญา เรื่องไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา รวมทั้งแบบอย่างสี เทคนิค วิธีการ ผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตก ความเป็นอิมเพรสชั่นนิส เทคนิควิธีการ จิตวิทยาการใช้สีแสง ผสมผสานกัน ได้อย่างกลมกลืนเป็นเอกภาพ
สมพร ธรุ ี (2554) ทา วจิ ยั เรอื่ ง ภมู ปิ ญั ญําทกั ษณิ : เอกลกั ษณร์ ปู จติ รกรรมฝําผนงั นํา มําซงึ่ ศลิ ปวฒั นธรรมภําคใต้ เป็นการรวบรวมข้อมูลจิตรกรรมฝาผนังท่ีมีเอกลักษณ์ของภาคใต้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปกรรม ด้วยวิธีการวิเคราะห์เปรียบเทียบการผสมผสานวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตสังคม เศรษฐกิจ รูปแบบ เอกลักษณ์ วิธีคิดของช่างท้องถ่ิน เน้ือหาสาระจากจิตรกรรมฝาผนังในจังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราชและพัทลุง ท่ีมีอายุ 100 ปี จานวน 14 วัด จากการวิจัยทาให้สรุปได้ว่ารูปแบบในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังจากช่างหลวงภาคกลาง ผสมผสานกับการแทรกวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น วัฒนธรรมจีน ตะวันตก มุสลิม อินเดีย ปรากฏภายในจิตรกรรม ฝาผนงั และประกอบดว้ ยชา่ งทอ้ งถนิ่ ผสมกบั ชา่ งหลวงทา ใหก้ ารแสดงออกในการออกแบบเปลยี่ นแปลงไปโดยเลอื กแสดงออก ตามความเหมาะสมของขนาดพน้ื ทข่ี องผนงั ในแตล่ ะวดั ซงึ่ มคี วามเปน็ อสิ ระมากขนึ้ และจะแทรกวถิ ชี วี ติ วฒั นธรรมประเพณี อาคารสถาปตั ยกรรม และการละเลน่ ไวแ้ ทบทกุ พนื้ ทขี่ องจติ รกรรมฝาผนงั ในภาคใตเ้ ปน็ ทมี่ าของวฒั นธรรมตา่ งๆ ทสี่ บื ทอด กันมาจนถึงปัจจุบัน
ปรีชา เถาทอง (2554) ทาวิจัยสร้างสรรค์เรื่อง จํากแสงเงําสู่ป่ําหิมพํานต์ผลงานวิจัยสร้างสรรค์จิตรกรรมไทย ร่วมสมัย โดยศึกษาพัฒนาผลงานตามทฤษฎีแสงและเงา นามาใช้กับวัตถุท่ีมีพื้นผิววัตถุท่ีต่างกันไป เพ่ือเปิดรับความคิดและ จนิ ตนาการใหมๆ่ จะมรี ปู ทรงทอี่ สิ ระโดยจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ตอ้ งการตดั ทอนใหเ้ กดิ รปู ทรงนามธรรม โดยเปลยี่ นชอื่ เปลย่ี นวสั ดุ รวมทั้งเปลี่ยนเทคนิค มีพ้ืนวัตถุ เช่น ลวดลายกระเบ้ืองสี กระจกสี รูปทรงของเสา ผนังโบสถ์ อาคารสถาปัตยกรรมไทย
156