Page 195 - จิตรกรรมปริศนาธรรมภาคใต้
P. 195

  “แบกพําชีวิต”
ภํารํา หะเว ปัญจักขันธํา ทุกขํา: ขันธ์ท้ังห้ํา เป็นของหนักเน้อ! นัตถิ ขันธะสมํา ทุกขํา: ทุกข์ใดไป่สู่เสมอขันธ์
∞นํามรูป หมายถึง กายกับจิต จาแนกออกเป็นขันธ์ ๕ หรือ เบญจขันธ์ คือกองแห่งรูปธรรม และนามธรรมห้า หมวดท่ีประชุมกันเข้าเป็นหน่วยรวมแห่งชีวิต ซึ่งมีสมมติบัญญัติเรียกว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นต้น
รูป 1) รูปขันธ์ คือ ส่วนที่เป็นรูป ร่างกาย พฤติกรรม และคุณสมบัติต่างๆ ของส่วนที่เป็นร่างกาย ส่วนประกอบ ฝ่ายรูปธรรมท้ังหมด
นําม 2) เวทนําขันธ์ คือส่วนท่ีเป็นการเสวยรสอารมณ์ ความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือ เฉยๆ
3) สัญญําขันธ์ คือส่วนท่ีเป็นความกาหนดหมายให้จาอารมณ์น้ันได้ ความกาหนดได้หมายรู้ในอารมณ์ 6 4) สังขํารขันธ์ คือส่วนที่เป็นความปรุงแต่ง สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่ว ให้เป็นกุศล อกุศล
5) วิญญําณขันธ์ คือส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์ทางอายตนะทั้ง 6
∞ ภําครูปธรรม เป็นส่วนที่เป็นร่างกายทางานหนักแบกภาระต้ังแต่เด็ก หนุ่ม สาว แก่ชรา ทางานตลอดเวลา เพื่อการได้ส่ิงมีค่า แก้วแหวน เงินทอง และยึดหลงเป็นเจ้าของไม่ปล่อยวาง เปรียบเสมือนหม้อดินใส่น้า แตกง่าย กระด้าง ทอ่ื ภําคนํามธรรม แสดงธาตจุ ติ เปรยี บเสมอื นลงิ เคลอื่ นไหวรวดเรว็ ลกุ ลนกระสบั กระสา่ ย ไมอ่ ยนู่ งิ่ รบั รอู้ ารมณค์ วามรสู้ กึ ปรุงแต่ง ได้อย่างรวดเร็ว เบาหวิว ว่องไว ยากท่ีจะจับจิต ซึ่งจะต้องได้รับการฝึกข่ม บังคับจิตของตนให้อยู่ในอานาจของตน พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงความแตกต่างระหว่างปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ กับอริยสาวกผู้ได้สดับ แก่ภิกษุทั้งหลายความว่า บุคคล ทั้งสองจา พวกน้ัน เสวยเวทนาเหมือนกัน ต่างกันตรงท่ีว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เม่ือได้รับทุกขเวทนา (ทางกาย) ย่อมทุกข์ท้ัง ทางกายและทางใจ มีความเศร้าโศก เสียใจเปรียบเหมือนกับเมื่อถูกยิงด้วยลูกศรดอกท่ีหน่ึงแล้ว ยังถูกยิงซ้าอีกด้วยลูกศร ดอกที่สอง (ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับยังไม่พ้นไปจากทุกข์) ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อได้รับทุกขเวทนา (ทางกาย) ย่อมมี เพียงทุกข์ทางกายเท่าน้ัน ไม่มีทุกข์ทางใจ ไม่เศร้าโศกเสียใจ เปรียบเหมือนกับผู้ถูกยิงด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว ไม่ถูกยิง ซ้าอีก ด้วยลูกศรดอกที่สอง
การดารงสังขารบริหารขันธ์จึงเป็นเร่ืองยาก ท้ังในส่วนของกายและจิต หรือทั้งในส่วนรูปและนาม กล่าวได้ว่า กายหรือรูปดารงอยู่ได้ด้วยปัจจัยส่ี จาต้องแสวงหามาเลี้ยงกาย ยังไม่นับเน่ืองแต่ทุกข์ประจาสังขาร อันมีแก่ เจ็บ ตายเป็น ธรรมดา หรือว่าทุกข์ในการทามาหากิน ประสบได้ในอาชีวทุกข์ ประสบทุกข์อยู่เนือง ๆ ในการแสวงหาปัจจัยสี่ ไหนจะทุกข์ หนัก-เบา อันเป็นเจ้าเรือนที่ต้องบริหารอยู่เนืองนิตย์ จะป่วยกล่าวไปไย ถึงขันธ์อันเป็นที่ต้ังแห่งอุปาทานเล่า ย่อมเป็นที่ตั้ง แห่งทุกข์โดยแท้ (สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา: กล่าวโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้งห้า เป็นตัวทุกข์)
กิจฉัง มัจจานะชีวิตัง: การเป็นอยู่ของส่าสัตว์เป็นเรื่องยาก ทุกข์ใจดับได้ ทุกข์กายได้แต่บรรเทา
บุคคลนั่นแหละเป็นผู้แบกของหนักนาพาภาระชีวิตนี้ไป การปลงของหนักคือภาระแห่งชีวิตลงได้ จึงเป็นความสุข จาต้องขุดรากถอนโคนตัณหา เพื่อดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ ระหว่างน้ี จึงควรทาความสมดุล แห่งชีวิตให้เกิดขึ้นระหว่างกาย และจิต น่ันคือ
  185
          






















































































   193   194   195   196   197