Page 68 - จิตรกรรมปริศนาธรรมภาคใต้
P. 68
ภําพท้องน้ํา มีเทคนิคการเขียน 2 วิธี คือ แบบแรกจะระบายด้วยสีน้าเงิน และสีขาวหม่นและตัดเส้นท่ีมีลักษณะ เป็นวงโค้งซ้อนเรียงสลับกัน แบบเกล็ดปลาแต่ไม่มีหัวคล่ืน เป็นการเขียนลายคล่ืนแบบอุดมคติ เป็นภาพแบบเก่าและเป็น ท่ีนิยมในการเขียนภาพแบบจีนปรากฏฉากชายเข็ญใจเก็บดอกบัวถวายพระมาลัย แบบที่สองการเขียนภาพน้านิ่งไม่มี ริ้วคล่ืนหรือมีริ้วเป็นเส้นโค้งเพียงเล็กน้อย มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงตามธรรมตามแบบเหมือนช่างศิลปะตะวันตก ท่ีได้รับอิทธิพลในช่วงสมัยน้ีตามช่างหลวงกรุงเทพฯ ท่ีให้อิทธิพลต่อช่างหัวเมืองภาคใต้ ดังเช่น วัดสุวรรณารามถือว่า เป็นต้นแบบในศิลปะรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4
ภําพท้องฟ้ํา มีเทคนิคการระบายทั้ง 2 แบบ คือการเกล่ียสีเดียวให้เกิดน้าหนักอ่อนแก่และการระบายสีเดียว ให้มีลักษณะแบนเรียบ ๆ ไม่มีน้าหนักอ่อนแก่ จะระบายด้วยสีน้าตาล สีเทาและสีน้าเงิน เพื่อทาให้ภาพมีความเด่นชัด โดยไม่คานึงถึงความเป็นจริงตามธรรมชาติ ทั้ง 4 ผนังจะมีเทคนิคการวาดภาพใกล้เคียงกับวัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ และวัดวัง จังหวัดพัทลุง (ภาพท่ี 2-14)
ภําพโขดหินหรือภูเขํา มีเทคนิคเชิงช่างด้วยการระบายและเกลี่ยด้วยสีเดียวให้มีน้าหนักอ่อนแก่ต่างกัน ซ่ึง สว่ นใหญจ่ ะระบายสเี ขยี ว สนี า้ เงนิ และสนี า้ ตาล เพอื่ ใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งกบั ฉากหลงั สดุ ทา้ ยตดั เสน้ ดว้ ยสดี า หรอื นา้ ตาลเขม้ เพอื่ แสดงปรมิ าตรและขนาดรายละเอยี ดของภาพใหม้ คี วามเปน็ จรงิ ตามธรรมชาตจิ ะมลี กั ษณะหยกั งอคลา้ ยรากไมแ้ สดงถงึ การได้รับอิทธิพลศิลปะจีนตามแบบแผนช่างหลวงภาคกลาง เช่น วัดสุวรรณาราม ในสมัยรัชกาลที่ 3 และเหตุผลที่ ช่างวาดภาพเขามอให้มีขนาดเล็กไม่ใหญ่โต เพราะมีความประสงค์ให้เป็นส่วนประกอบของส่ิงก่อสร้างต่าง ๆ และมีขนาด เหมาะสมกับพื้นที่ในการบรรจุรายละเอียดอื่น ๆ ของส่วนประกอบของภาพ (ภาพท่ี 2-9)
ภําพท่ี 2-9 ภาพการเขียนท้องฟ้าและพ้ืนดิน
58