Page 25 - การวิจัยทางศิลปะ
P. 25

                ความรู้เบื้องต้นการวิจัยทางศิลปะ 17
 3. เป็นประเด็นปัญหาที่น่าสนใจนักวิชาการหรือผู้ปฏิบัติงานในสาขานั้นๆมีความสนใจ ต้องการค้นหาคาตอบ หรือเป็นประเด็นที่กาลังถกเถียงกันในวงการนักวิชาการผู้ปฏิบัติงาน หรือผู้คน ทั่วไปที่ต้องการคาตอบที่แน่ชัดมีหลักฐานและมีกระบวนการมาสนับสนุน การสรุปผลการวิจัยอย่าง ชัดเจน
4. เป็นประเด็นปัญหาที่ไม่ซ้าช้อนกับปัญหาท่ีผู้อื่นได้เคยวิจัยหาคาตอบไว้แล้ว
การพจิ ารณาวา่ หวั ขอ้ ประเดน็ ปญั หาวจิ ยั ซา้ ซอ้ นกนั หรอื ไม่ มกั จะมปี ระเดน็ ทตี่ อ้ งพจิ ารณา 3 ประเดน็
ใหญ่ ๆ คือ
ก) คาถามวิจัยเป็นคาถามเดียวกันหรือไม่
ข) ประชากรที่ศึกษาเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่
ค) วิธีการในการตอบคาถามใช้วิธีการหรือกระบวนการเดียวกันหรือไม่ ถ้าคาตอบเป็น “ใช่” ทั้ง 3 ประเด็น ก็ถือได้ว่าเป็นการวิจัยซ้าซ้อน
5. ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือภัยพิบัติต่อผู้วิจัยหรือผู้ให้ข้อมูลในกระบวนการการค้นหา คาตอบในแต่ละงานวิจัยที่มีกระบวนการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนาม หรือการทดลอง เพื่อหาข้อสรุปนั้นต้องไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อผู้วิจัยหรือผู้ให้ข้อมูลทั้งในช่วง ดาเนินการวิจัยหรือหลังการดาเนินการวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว
6. เปน็ ปญั หาทสี่ ามารถจะดา เนนิ การวจิ ยั ใหส้ า เรจ็ ลลุ ว่ งไปได้ จากการพจิ ารณาชอื่ หวั ขอ้ วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการวจิ ยั ขอบเขตและวธิ กี ารดา เนนิ การวจิ ยั และประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั มคี วามสมั พนั ธ์ ทจี่ ะนา ไปสผู่ ลลพั ธข์ องการวจิ ยั ไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพและจะตอ้ งไมเ่ กดิ ผลกระทบตอ่ ปญั หาทางการเมอื งไทย เป็นต้น
แนวทางการเลือกและการตั้งชื่อหัวข้อการวิจัยทางศิลปะ จะต้องตั้งชื่องานวิจัยให้สามารถ สอื่ ความหมายตอ่ ผพู้ บเหน็ ไดใ้ นระดบั หนงึ่ วา่ มสี าระสา คญั ประกอบไปดว้ ยสงิ่ ใดบา้ ง เชน่ อาจเปน็ ประเดน็ ที่ ผวู้ จิ ยั ศกึ ษาในศาสตรส์ าขานน้ั ๆ หรอื อาจเปน็ การศกึ ษาในพนื้ ทเี่ ฉพาะ ในงานวจิ ยั ทางศลิ ปะ ตอ้ งบง่ บอก ความหมายชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากการตั้งชื่อภาพผลงานที่อาจตั้งแบบอิสระหรือตั้งสั้นๆ แล้วให้ผู้ดู คิดต่อเองได้ เช่น ชื่อผลงานศิลปะอาจใช้ชื่อว่า “รูปทรง หมายเลข 1” แต่ถ้าเป็นการทางานสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการทางวิจัยสร้างสรรค์เข้าไปอธิบาย ศึกษาค้นคว้า เพื่อนาไปสู่การพัฒนาผลงานศิลปะ และแสดงถึงคุณคา่ความงามชื่อนกี้็ไมส่ามารถนามาเปน็ชอื่งานวิจยัทางศลิปะได้เพราะไมส่ื่อความว่า ผู้วิจัยจะทาอะไร แต่ถ้าตั้งชื่อว่า “ความสัมพันธ์ของรูปทรงที่แตกต่างทางวัฒนธรรม” จะสื่อความ ให้ผู้พบเห็นสามารถเห็นภาพว่าผู้วิจัยกาลังค้นคว้าในเรื่องการสร้างความเป็นเอกภาพของรูปทรงที่มี ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงบันดาลใจ หรือการวิเคราะห์รูปทรงเชิงสัญลักษณ์
























































































   23   24   25   26   27