Page 164 - ตามรอยพระศาสดา
P. 164
163
พยายามให้สงฆ์ปรองดองกัน โดยตรัสสาราณียธรรม ๖ ประการ ธรรม
อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน คือ ท�าความรักกัน ๑ ท�าความเคารพกัน ๑
เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน ๑ เพื่อความไม่วิวาทกัน ๑ เพื่อความ
พร้อมเพรียงกัน ๑ เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน ๑ นอกจากนั้นยังตรัสโทษ
แห่งการแตกความสามัคคี และอานิสงส์แห่งความสามัคคี แต่ก็ไม่ส�าเร็จ
ภิกษุชาวกรุงโกสัมพียังดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลแม้จะทรงโอวาทอย่างไร ก็ไม่
สามารถที่จะประสานภิกษุเหล่านั้นได้จ�าเดิมแต่กาลนั้น แม้พวกอุปัฏฐาก
ผู้ถวายปัจจัยของภิกษุ ๒ รูปนั้น ก็แบ่งเป็น ๒ ฝ่าย พวกภิกษุณีผู้รับโอวาทก็ดี
พวกอารักขเทวดาที่คุ้มครองก็ดี ก็แตกเป็น ๒ ฝ่าย เมื่อตรัสสอนเท่าไร
ก็ไม่ฟัง พระพุทธองค์จึงทรงด�าริที่จะหลีกออกจากหมู่ ประทับอยู่ตามล�าพัง
รุ่งขึ้นพระองค์เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในกรุงโกสัมพีพระองค์เดียว กลับจาก
บิณฑบาตภายหลังภัตกิจ ทรงเก็บเสนาสนะ ขณะประทับยืนอยู่นั่นแหละ
ได้ตรัสพระคาถามีความย่อว่า “เมื่อสงฆ์แตกกัน ต่างก็มิได้ส�าคัญตนว่า
ผิดปรารถนาที่จะแสดงฝีปากพูดไปตามอารมณ์ ย่อมไม่รู้สึกว่าพวกเรา
จะย่อยยับในที่นี้ ฉะนั้น การเที่ยวไปคนเดียวประเสริฐกว่า เพราะความ
เป็นสหายกันในคนพาลไม่มี พึงเป็นผู้เดียว เที่ยวไปและไม่พึงท�าบาป
เหมือนช้างมาตังคะ ที่ประสงค์จะท่องเที่ยวไปในป่าแต่เพียงล�าพัง
ฉะนั้น” พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปยังรักขิตไพรสณฑ์ อันเป็นที่อยู่ของช้าง
ชื่อปาริไลยก์ ประทับอยู่ ณ โคนไม้สาละใหญ่ต้นหนึ่งชื่อภัททสาละ
ในรักขิตไพรสณฑ์นั้น ฝ่ายอุบาสก อุบาสิกา ชาวกรุงโกสัมพี ไปยังวิหารเพื่อ
จะฟังพระธรรมเทศนา ครั้นไม่เห็นพระบรมศาสดา จึงถามภิกษุทั้งหลายว่า
“บัดนี้พระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ ที่ใด ภิกษุเหล่านั้นตอบว่า “พระบรม
ศาสดาเสด็จไปจากพวกเราแล้ว” อุบาสก อุบาสิกา เหล่านั้นถามว่า “ท่าน
เสด็จไปด้วยเหตุใด” เหล่าภิกษุตอบว่า “ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงพยายาม
จะท�าให้พวกเราสามัคคีกัน แต่พวกเราก็ไม่เชื่อฟังโอวาทของพระองค์”
ตามรอยพระศาสดา