Page 169 - ตามรอยพระศาสดา
P. 169

168



                 เมื่อประทับ ณ ราชคฤห์นี้ พระโมคคัลลานะมาทูลลาเข้าสู่

          ปรินิพพาน แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จกลับพระเชตวันอีก

                 วันหนึ่งทรงประทับอยู่ ณ ร่มเงาแห่งวิหาร พระอานนท์เข้าไป
          อภิวาทแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์ได้เห็นความผาสุกของพระองค์แล้ว ค่อย

          ยินดี  ขณะพระองค์ประชวรหนัก ข้าพระองค์มีกายสั่น มืดมนไปหมด ธรรม
          ทั้งหลายไม่สว่างแก่ดวงจิต  เพราะมาวิตกถึงความไข้ที่ทรงประชวร  แต่มา

          อุ่นใจหน่อยหนึ่งว่า ถ้าพระองค์ไม่ปรารภปรินิพพานแก่ภิกษุสงฆ์แล้ว ยัง
          จักไม่ปรินิพพานก่อน”

                 พระพุทธเจ้า “อานนท์  ภิกษุทั้งหลายยังมาหวังอะไรในตถาคตอีก
          ธรรมทั้งหลาย ตถาคตแสดงแล้ว โดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรปิดบังหลงเหลืออยู่อีก

          บัดนี้ตถาคตมีอายุถึง ๘๐ แล้ว ร่างกายวิปริตผันแปรไป เหมือนเกวียนเก่า
          กระหนาบไว้ด้วยไม่ไผ่ อานนท์  ท่านจงอาศัยตนของตนเองนั้น เป็นที่พึ่ง

          แก่ตน สิ่งอื่นจะเป็นที่พึ่งแก่ตนนั้นไม่มี”

                 รุ่งขึ้น เสด็จไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี  แล้วเสด็จด้วยภิกษุ ๕๐๐
          ไปเมืองเวสาลี ประทับกุฎาคารศาลาในป่ามหาวัน ล�าดับนั้นกษัตริย์ลิจฉวี
          ทั้งหลายทราบข่าวเสด็จของพระพุทธองค์ ต่างก็มาถวายนมัสการฟังธรรม

          และนิมนต์รับภัตตาหารบิณฑบาตในวันรุ่งขึ้น

                 รุ่งขึ้นเสด็จเมืองเวสาลีพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ เข้ารับบิณฑบาต
          ณ พระราชนิเวศน์ ของหมู่กษัตริย์ลิจฉวี เสร็จภัตกิจแล้ว เสด็จออกจาก

          พระนคร ทรงหยุดยืนนอกประตูเมืองเวสาลี แล้วตรัสว่า “ครั้งนี้เป็นครั้ง
          สุดท้ายที่จะได้เห็นเมืองนี้” ณ ที่นั้นได้ชื่อว่า นาคาวโลกเจดียสถาน






                                  ตามรอยพระศาสดา
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174