Page 170 - ตามรอยพระศาสดา
P. 170
169
ปลงพระชนมายุสังขาร
เสด็จกลับถึงกุฎาคารแล้ว รับสั่งให้พระอานนท์ถือผ้ารองนั่งตามไป
ตรัสว่าจะเสด็จพักร้อน ณ ปาวาลเจดีย์
ณ ที่ปาวาลเจดีย์ พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ว่า “อานนท์
เมืองเวสาลีนี้เป็นที่รมณียสถาน ทั้งที่ปาวาลเจดีย์ และโคดมเจดีย์ ก็เป็น
ที่อภิรมย์ส�าราญทุกต�าบล เบื้องว่าบุคคลใดได้เจริญอิทธิบาท ๔ ประการ
และผู้นั้นปรารถนาให้อายุยืนยาวต่อไปกัลป์หนึ่ง หรือมากกว่าขึ้นไปก็ดี
ก็จะมีชีวิตยืนอยู่ได้ดุจความปรารถนา” แล้วตรัสต่อไปว่า “อิทธิบาท ๔
นั้นได้แก่ ฉันทิทธิบาท ๑ วิริยิทธิบาท ๑ จิตติทธิบาท ๑ วิมังสิทธิบาท ๑
รวมเป็น ๔ ด้วยกัน
เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้น พระอานนท์ไม่ทราบพุทธอัธยาศัย มิได้
อาราธนาไว้ว่า “ให้พระศาสดาจงด�ารงพระชนมายุอยู่จนสิ้นกาลกัลป์หนึ่ง
เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์โลกแห่งเหล่าเทพยดามนุษย์ทั้งหลาย ให้บริบูรณ์
ด้วยประโยชน์สุขสืบไปเบื้องหน้า”
พระพุทธองค์รับสั่งอย่างนี้ ๒ – ๓ ครั้ง พระอานนท์ก็นิ่งเสียมิได้
อาราธนา เพราะมิได้ทราบในพุทธาธิบายการที่เป็นเช่นนี้ กล่าวกันว่า มาร
เข้าดลใจ มิให้พระอานนท์นึกออก พูดได้
พระองค์ทรงขับพระอานนท์ให้ออกไปเสีย แล้วทรงหวนระลึกถึง
เรื่องเดิมตั้งแต่พึ่งตรัสรู้ใหม่ ๆ ว่า ชั้นเดิมพระองค์ไม่คิดสั่งสอนเวไนยสัตว์
เพราะธรรมของพระองค์ลึกซึ้งยากที่จะประพฤติปฏิบัติและเข้าใจ แต่ด้วย
พระกรุณาเห็นว่า อาจมีสัตว์บางจ�าพวกมีสติปัญญาละเอียดอ่อน ควรจักรู้
พระสัทธรรมได้ ก็จักมีอยู่จึงกลับตั้งพระทัยใหม่ว่าเที่ยวสั่งสอน จนกว่าจะ
ตามรอยพระศาสดา