Page 46 - ตามรอยพระศาสดา
P. 46
45
เมื่อพระมหาบุรุษไม่ทรงแลเห็นใครที่ไหนจะช่วยได้ ก็ทรงระลึกถึง
บารมีธรรมทั้ง ๓๐ ประการ ซึ่งเป็นดุจทหารที่แกร่งกล้า มีศาสตราวุธ
ครบครันที่จะสามารถผจญกับหมู่มาร ขับไล่ให้ปราชัยหนีไปโดยสิ้นเชิงได้
ก็ทรงโสมนัส ประทับนิ่งอยู่โดยมิได้สะทกสะท้านแต่ประการใด
ฝ่ายพญามารวัสวดีเห็นพระมหาบุรุษประทับนั่ง มิได้หวั่นไหว
แต่ประการใดก็พิโรธ ร้องประกาศกึกก้องให้เสนามารรุกเข้าท�าอันตราย
หลายประการจนหมดฤทธิ์ บรรดาสรรพาวุธศาสตรายาพิษที่พุ่งซัดไป ก็
กลับกลายเป็นบุปผามาลัยบูชาพระมหาบุรุษจนสิ้น ครั้งนั้นพญามารตรัส
แก่พระมหาบุรุษด้วยสันดานหยาบว่า “ดูกรสิทธัตถะ บัลลังก์แก้วนี้เกิด
ด้วยบุญเรา เพื่อเรา ท่านเป็นคนไม่มีบุญไม่สมควรจะนั่งบนบัลลังก์แก้วนี้
จงลุกไปเสียโดยเร็ว” พระบรมโพธิสัตว์เจ้าตรัสตอบว่า “ดูกรพญามาร
บัลลังก์แก้วนี้เกิดขึ้นด้วยบุญญาธิการของเราที่ได้บ�าเพ็ญมานับสี่อสงไขย
แสนกัป จะนับจะประมาณมิได้เราผู้เดียวเท่านั้น สมควรจะนั่งบัลลังก์แก้ว
ผู้อื่นไม่สมควรเลย” พญามารกราบทูล คัดค้านว่า ที่พระมหาบุรุษรับสั่ง
มานั้นไม่เป็นความจริง จงหาพยานมารับรองว่า พระองค์ทรงได้บ�าเพ็ญ
บารมีมาจริง ให้ประจักษ์เป็นสักขีพยานในที่นี้
เมื่อพระมหาบุรุษไม่ทรงเล็งเห็นผู้อื่นใด ใครจะกล้ามาเป็นพยาน
ยืนยันได้ จึงรับสั่งหานางวสุนธราเจ้าแม่แห่งธรณีว่า “ดูกร วสุนธรา นาง
จงมาเป็นพยานในการบ�าเพ็ญบารมีของเราในกาลบัดนี้ด้วยเถิด ...”
ล�าดับนั้น นางวสุนธราเจ้าแม่ธรณี ก็ช�าแรกแทรกพื้นปฐพีขึ้นมา
ปรากฏกายประคองอัญชลีถวายอภิวาทพระมหาบุรุษโพธิสัตว์เจ้าแล้ว
ประกาศให้พญามารทราบว่าพระมหาบุรุษ เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระบรม
โพธิสัตว์เจ้า ได้บ�าเพ็ญบารมีมามากมายตลอดกาลเหลือที่จะประมาณนับได้
ตามรอยพระศาสดา