Page 48 - ตามรอยพระศาสดา
P. 48
47
การตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ
พระมหาบุรุษทรงเจริญญาณ อันเป็นองค์ปัญญาชั้นสูงทั้ง ๓
ประการ ยังองค์พระโพธิญาณให้เกิดขึ้นเป็นล�าดับ ตามระยะกาลแห่ง
ยามสามอันเป็นส่วนราตรีนั้นคือ ในปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสา
นุสสติญาณ สามารถระลึกอดีตชาติที่พระองค์ทรงบังเกิดมาแล้ว
ทั้งสิ้นได้ ในมัชฌิมยาม ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ บางแห่งเรียกว่า ทิพยจักษุ
สามารถหยั่งรู้การเกิด การตาย ตลอดจนการเวียนว่ายของสรรพสัตว์อื่น
ได้หมด ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ ทรงปรีชาสามารถท�า
อาสวกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไปด้วยพระปัญญา ทรงพิจารณาปฏิจจ
สมุปบาท โดยอนุโลม และปฏิโลม ก็ทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลาแต่ก่อนกาล ถึงกับ
ทรงเปล่งพระอุทานเย้ยตัณหาอันเป็นตัวการ ก่อให้เกิดสังสารวัฏฏทุกข์
แก่พระองค์เป็นอเนกชาติ
ความว่า นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวสืบเสาะหาตัวนายช่างผู้กระท�า
เรือน คือ ตัวตัณหา ตลอดชาติสงสาร จะนับประมาณมิได้ ก็มิได้พานพบ
ดูกร ตัณหา นายช่างเรือน บัดนี้ตถาคตพบท่านแล้ว แต่นี้สืบไปท่านจะ
ท�าเรือนให้ตถาคตอีกไม่ได้แล้ว โครงเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว ช่อฟ้าเราก็หัก
ท�าลายเสียแล้ว จิตของเราข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปราศจาก
สังขารเครื่องปรุงแต่งใด ๆ ได้ถึงความดับสูญสิ้นไปแห่งตัณหา อันหาส่วน
เหลือมิได้โดยแท้
ในวาระนั้น อัศจรรย์ก็บังเกิดมี พื้นมหาปฐพีอันกว้างใหญ่ก็ไหวหวั่น
พฤกษชาติทั้งหลายก็ผลิดอกออกช่องามตระการ เทพเจ้าทุกชั้นฟ้าก็
ตามรอยพระศาสดา