Page 53 - ตามรอยพระศาสดา
P. 53

52


                 ทิฏฐมังคลิกะ  พราหมณ์ผู้ชอบบริภาษผู้อื่นด้วยค�าว่า หึ  หึ  ด้วย
          อ�านาจถือตัวและความโกรธเดินผ่านมา  เห็นพระพุทธองค์ประทับนั่งอยู่ ณ

          ควงไม้อชปาลนิโครธ จึงเข้าไปทูลถามว่า ข้าแต่สมณะ บุคคลเช่นไรจึงชื่อว่า
          พราหมณ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้ละแล้วซึ่งบาปธรรมทั้งหลาย
          ไม่บริภาษผู้อื่น มีตนอันส�ารวมแล้วด้วยศีลสังวร เป็นผู้อยู่จบพรหมจรรย์
          ด้วยมรรคทั้ง ๔  มีโสดาปัตติมรรค  เป็นต้น

               ปราศจากกิเลสที่ท�าให้ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และทิฏฐิเจริญขึ้น
          แม้ในพระอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ความสงัดเป็นของบุคคลผู้สันโดษ บุคคล
          เช่นนี้จึงชื่อว่า พราหมณ์ทิฏฐมังคลิกะ ฟังแล้วก็หลีกไป มิได้สนใจใน

          พระด�ารัสแต่ประการใด
                 ขณะนั้น พญามาร แม้จะหาช่องทางอยู่ตลอดเวลา ก็มิได้เห็นความ

          พลั้งพลาดใด ๆ  ของพระบรมศาสดา บังเกิดความโทมนัสว่า บัดนี้  สิทธัตถะ
          ล่วงพ้นวิสัยของเราเสียแล้ว จึงหลีกไปนั่งอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่งคิดว่า
          เราไม่ได้บ�าเพ็ญบารมีทั้งหลาย อันเป็นอุปนิสัยแห่งการแทงตลอด
          พระสัพพัญญุตญาณ เหมือนดังสิทธัตถะ เราจึงไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับสิทธัตถะ

                 ขณะนั้นธิดามารทั้งสามคนคือ นางตัณหา นางอรตี และนาง
          ราคา  พากันตามหาบิดา  ได้เห็นบิดามีความโทมนัส  ครั้นทราบความ
          ทุกข์ของบิดาแล้ว ต่างอาสาว่าพวกลูกจักท�าให้มหาสมณะนั้นอยู่ใน
          อ�านาจของเรา จักเอาบ่วง คือ ราคะ เป็นต้น ผูกมหาสมณะให้มั่น
          แล้วพามา แม้พญามารจะห้ามว่า บุรุษผู้นี้มั่นอยู่ในศรัทธาไม่หวั่นไหว
          แต่พวกนางก็มิได้เชื่อฟัง  ได้เข้าไปยั่วยวนพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย

          อุบายต่าง ๆ มีการเนรมิตอัตภาพของตน เป็นรูปหญิงวัยรุ่น หญิงที่ยัง
          ไม่มีบุตร หญิงที่มีบุตรแล้ว ๑ คน หญิงวัยกลางคน  หญิงสูงวัย เป็นต้น
          แม้กระนั้น พระพุทธองค์ก็มิได้สนใจ  ทั้งยังไม่เหลือบพระเนตรแลดู

               ตรัสว่า พวกเธอจงหลีกไปเถิด  กรรมเห็นปานนี้ ควรกระท�าต่อ




                                  ตามรอยพระศาสดา
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58