Page 57 - ตามรอยพระศาสดา
P. 57
56
จงจ�าข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองว่าเป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จ�าเดิม
แต่วันนี้เป็นต้นไป
นายพาณิชย์ทั้งสองคนนี้ได้เป็นอุบาสกกล่าวอ้างถึงรัตนะทั้งสองคือ
พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ เป็นชุดแรกในโลก
ครั้นล่วง ๗ วันไปแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาธิ เสด็จ
จากควงไม้ราชายตนะ เข้าไปประทับยังต้นไม้อชปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ
พระองค์ทรงประทับอยู่ ณ ที่นั้น ได้มีพระปริวิตกทางจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า
“ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึกซึ้ง ถึงได้ยาก รู้ตาม
ได้ยาก เป็นธรรมที่สงบ ประณีต ไม่อยู่ในวิสัยแห่งความสุข ละเอียด
เป็นวิสัยที่บัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง ส่วนหมู่สัตว์นี้ได้รื่นรมย์ด้วยอาลัย ยินดี
ในอาลัย ชื่นชมในอาลัย ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขาร
เป็นต้นนี้ เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ อันหมู่สัตว์ผู้เริงรมย์ด้วยอาลัย
ยินดีในอาลัย ชื่นชมในอาลัย เห็นได้ยาก แม้แต่ฐานะคือธรรมอันเป็น
ที่ระงับสังขารทั้งปวง เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็น
ที่สิ้นก�าหนัด เป็นที่ดับสนิท หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้นี้ ก็แสนยากที่สัตว์
เหล่านั้นจะเห็นได้ ถ้าเราจะพึงแสดงธรรมสัตว์เหล่าอื่นก็ไม่สามารถจะรู้
ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้นก็จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยแก่เราเปล่า จะ
พึงเป็นความล�าบากแก่เราเปล่า”
ครั้งนั้น เมื่อพระองค์ทรงด�าริเช่นนี้แล้ว อนัจฉริยคาถาที่ไม่เคยได้
สดับในกาลก่อนปรากฏแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า
บัดนี้ เรายังไม่ควรประกาศธรรมที่เราได้บรรลุแล้วโดยยาก เพราะ
ธรรมนี้อันสัตว์ผู้ถูกราคะและโทสะครอบง�าแล้วไม่อาจตรัสรู้ได้ง่าย สัตว์
ผู้อันราคะย้อมแล้ว ถูกกองอวิชชาห่อหุ้มแล้ว จักไม่เห็นธรรมอันละเอียด
ตามรอยพระศาสดา