Page 187 - 25620605121318noศธ 021028614file02_2
P. 187
นอกจากความลับที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวดแล้ว กระบวนการผลิตถุงยางอนามัยยังเต็มไปด้วย
ความสลับซับซ้อน มิหน าซ้ ายังต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่ขั้นตอนแรก
ถึงขั้นตอนสุดท้ายเช่นกัน เพราะฉะนั้น กว่าที่ถุงยางอนามัยแต่ละชิ้นจะหลุดออกมาให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้ใช้นั้น
จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เพียงแค่เอาแท่งแก้วส าหรับขึ้นรูปจุ่มไปในน้ ายางอบให้แห้ง ก็สามารถน ามาใช้งานได้แล้ว
กระบวนการผลิตถุงยางอนามัยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในสวนยางพาราในประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะมี
การส่งยางดิบเข้ามาที่โรงงาน จะต้องมีการน าตัวอย่างมาตรวจสอบเสียก่อน ถ้าตัวอย่างดังกล่าวไม่ผ่าน
การตรวจสอบ บริษัทฯ จะไม่รับยางในครั้งการผลิตนั้นเข้าสู่โรงงาน
กรณีที่ผ่านการตรวจสอบจะมีการก าหนดรหัสประจ าตัวที่ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต จากนั้น
ส่วนผสมต่าง ๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะที่ส่งตรงมาจากอังกฤษจะถูกน ามาผสมกับน้ ายางดิบ เพื่อให้ยางมีความคงตัว
และทนทาน หลังจากที่ใช้เวลาบ่มตัวไม่น้อยกว่า 10 วัน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างสมบูรณ์ ซึ่งส่วนผสมนี้
จะถูกน าไปใช้ในขั้นตอนการผลิตต่อไป
ถัดมาคือขั้นตอนการจุ่มขึ้นรูป ขั้นตอนนี้จะต้องท าภายในห้องปลอดฝุ่นละออง ซึ่งติดตั้งระบบ
กรองอากาศไฟฟ้าสถิต โดยแท่งแก้วส าหรับขึ้นรูปที่เรียงต่อกันเป็นแถวจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงจุ่มในถังที่มี
ส่วนผสมน้ ายางธรรมชาติที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม
แท่งแก้วแต่ละแท่งจะหมุนไปรอบ ๆ อย่างสม่ าเสมอเพื่อให้ส่วนผสมนี้กระจายตัวติดแท่งแก้ว
ด้วยความหนาเท่า ๆ กันทั้งชิ้น จากนั้นแท่งแก้วจะเคลื่อนตัวผ่านเข้าตู้อบอินฟาเรด เพื่อให้น้ ายางแห้ง
เมื่อออกจากตู้อบ แท่งแก้วจะต้องจุ่มน้ ายางอีกเป็นครั้งที่สอง เพื่อให้ถุงยางอนามัยมีความหนา
และทนทานเพียงพอ และเมื่ออบแห้งครั้งที่สองแล้วแท่งแก้วจะเคลื่อนที่ผ่านแปรงขนนุ่มที่ท าหน้าที่ม้วน
ขอบถุงยางก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ตู้อบครั้งสุดท้าย เพื่อให้สารประกอบต่าง ๆ ในส่วนผสมน้ ายางธรรมชาติ
ท าปฏิกิริยากันอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งท าให้ชั้นของน้ ายางธรรมชาติที่เกิดจากการจุ่มครั้งที่สองหลอมรวม
เป็นเนื้อเดียวกัน
หลังจากนั้นแท่งแก้วจะผ่านขั้นตอนการล้างน้ าที่ผสมสารเคมี เพื่อให้ถุงยางอนามัยลื่นหลุดออกได้
โดยง่าย เมื่อขั้นตอนการขึ้นรูปเสร็จเรียบร้อยในระหว่างนั้นถุงยางจะถูกน าไปล้างสารเคมีต่าง ๆ ให้หลุด
ออกจากผิวยางถุงยางอนามัยให้หมด พร้อมทั้งใส่แป้งเข้าไปเพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน เมื่อล้างเสร็จก็
จะน าเข้าตู้อบอบให้แห้งต่อไป ขณะเดียวกันถุงยางบางส่วนจะถูกสุ่มตัวอย่าง เพื่อน ามาตรวจสอบคุณภาพ
ใน 3 ส่วนด้วยกัน คือ ตรวจความรั่ว ทดสอบแรงดันอากาศ และทดสอบความทนทาน
พนักงานจะสุ่มตัวอย่างบางส่วนมาตรวจความรั่วด้วยการเติมน้ าเข้าไป 300 ซีซี แขวนทิ้งไว้
ประมาณ 1 - 2 นาที แล้วน ามาคลึงบนกระดาษสีซับน้ า ถ้าถุงยางเกิดรอยรั่วจะสามารถสังเกตเห็นรอย
น้ ารั่วซึมบนกระดาษสีได้ชัดเจน
จากนั้นถุงยางก็จะถูกส่งต่อไปยังส่วนที่ท าการทดสอบแรงดันอากาศ อากาศจะถูกอัดเข้าไปใน
ถุงยาง โดยมาตรฐานก าหนดเอาไว้ว่าจะต้องทนแรงอัดอากาศได้ไม่ต่ ากว่า 18 ลิตร ก่อนที่จะระเบิดแตก
ออกบาง ส่วน จะน าไปทดสอบความทนทานด้วยการยืดชิ้นส่วนถุงยางอนามัยที่ตัดเป็นชิ้น กว้างประมาณ
20 มิลลิเมตร ชิ้นส่วนถุงยางจะต้องยืดออกได้ยาวถึง 8 เท่าของความยาวปกติก่อนจะขาด
"นอกจากฝ่ายผลิตจะควบคุมคุณภาพเองแล้ว เรายังมีฝ่ายควบคุมคุณภาพเข้ามาตรวจสอบ
อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ได้ขึ้นกับฝ่ายเรา ถ้าฝ่ายควบคุมคุณภาพเจอรูรั่ว ไม่ผ่านคือไม่ผ่าน ผมไปต่อรองกับเขาไม่ได้
เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เขามีสายงานของการตรวจสอบที่ขึ้นตรงกับบริษัทแม่ที่ลอนดอน เขาสามารถรายงาน
ฝรั่งที่อังกฤษได้เลย แม้แต่ผมเองซึ่งควบคุมโรงงานทั้งหมดยังไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้เลย" มาร์ติน
เบอร์เชลล์ ผู้อ านวยการฝ่ายปฏิบัติการ ยืนยันคุณภาพของดูเร็กซ์
183

