Page 114 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 114

เมื่องํานพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทรําบรมรําชชนนี พ.ศ.๒๕๓๘ และกลํายเป็นจํารีตปฏิบัติ ตอ่ มํา โดยเปน็ ไปตํามพระรําชประสงคส์ ว่ นพระองคเ์ ปน็ หลกั (สมเดจ็ พระเจํา้ พนี่ ํางเธอ เจํา้ ฟํา้ กลั ยํา ณิวัฒนําฯ ๒๕๓๙: ๖๗)
ยังมีอีกสิ่งหน่ึงที่เป็นเครื่องแสดงพระบรมรําชอิสริยยศสําคัญนั่นคือ “ฉัตร” ซ่ึงเป็นร่ม ซ้อนชั้นลดหล่ันมํากน้อยตํามศักดิ์ของผู้ทรงเป็นเจ้ําของ หํากเป็นพระมหํากษัตริย์ผู้ผ่ําน กํารบรมรําชําภเิ ษกตํามโบรําณรําชประเพณี ตอ้ งมกี ํารถวําย “นพปฎลมหําเศวตฉตั ร” ซงึ่ มลี กั ษณะ คล้ํายฉัตรท่ีปักอยู่เหนือพระแท่นรําชบัลลังก์คือ เป็นฉัตรสีขําวเรียงซ้อนลดหลั่นกัน ๙ ช้ัน แต่ละชั้น มรี ะบํายขลบิ ทอง๓ชน้ั ฉตั รชน้ั ลํา่ งสดุ หอ้ ยอบุ ะจํา ปําทองสง่ิ ทแ่ี ตกตํา่ งออกไปคอื นพปฎลมหําเศวตฉตั ร เหนอื พระโกศทองใหญน่ ี้ เปน็ ฉตั รแบบแขวนหอ้ ยจํากเพดํานพระมหําปรําสําท จงึ ไมม่ เี สําคนั ฉตั รและ ไม่มีรูปเทวดํารักษํากําภูฉัตรอย่ํางที่พระแท่นรําชบัลลังก์
ใน จดหมายเหตรุ ชั กาลที่ ๓ เรอื่ งพระรําชพธิ พี ระบรมศพรชั กําลท่ี ๒ ไดใ้ ช้ “เศวตฉตั ร ๙ ชน้ั ทํา ดว้ ยโหมดเหลอื งกนั้ พระบรมโกศ” (ยมิ้ ปณั ฑยํางกรู ๒๕๒๘: ๑๔๖) เนอื่ งจํากในเวลํานนั้ เศวตฉตั ร อําจทําด้วยผ้ําสีอื่นไม่ต้องเป็นสีขําวเสมอไป ทําให้รัชกําลท่ี ๔ โปรดเกล้ํา ให้เปล่ียนเป็นกํารหุ้ม ผ้ําสีขําว เพ่ือให้ตรงกับควํามหมํายคําว่ํา “เศวต” ที่แปลว่ํา “สีขําว” (สมเด็จกรมพระยําดํารง รําชํานุภําพ ๒๕๐๔ข: ๒๑๘) สําหรับในพระรําชพิธีพระบรมศพรัชกําลที่ ๙ น้ี นพปฎลมหําเศวตฉัตร เป็นของท่ีสร้ํางข้ึนใหม่ทันทีเป็นกํารเฉพําะ ภํายหลังกํารประกําศสวรรคต
พระแท่นแว่นฟ้าทองและสุวรรณเบญจดล: พระแท่นรองรับพระโกศ
พระแท่นสูงใหญ่สีทองวํางซ้อนเป็นชั้นอันเป็นที่ประดิษฐํานพระโกศทรงพระบรมศพ มีชื่อเรียกเป็น ๒ แบบ คือ “พระแท่นแว่นฟ้ําทอง” และ “พระแท่นสุวรรณเบญจดล”
คําว่ํา “พระแท่นแว่นฟ้ําทอง” มีปรํากฏเอกสํารมําต้ังแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซ่ึงบํางครั้ง อําจจะสะกดคําแตกต่ํางกันไปบ้ํางเล็กน้อย เช่น “พระแท่นแว่นฟ้ํา” หรือ “แว่นฟ้ําทองคํา ๓ ช้ัน” (ยิ้ม ปัณฑยํางกูร ๒๕๒๘: ๑๔๖; ราชกิจจานุเบกษา ๒๔๓๗: ๓๓๕) สําหรับ คําว่ํา “แว่นฟ้ํา” ตําม รปู ศพั ทห์ มํายถงึ กระจก (สมเดจ็ ฯ เจํา้ ฟํา้ กรมพระยํานรศิ รํานวุ ดั ตวิ งศ์ ๒๕๐๕: ๒๓๔) ดงั นน้ั พระแทน่ แว่นฟ้ําทอง อําจแปลควํามหมํายได้ว่ํา พระแท่นไม้แกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจก อีกนัยหน่ึง คําว่ํา แว่นฟ้ํา ในทํางศิลปกรรมยังหมํายถึง แท่นฐํานตั้งเสริมบนแท่นซ้อนเป็นชั้นเพื่อให้ได้ควํามสูง ที่เหมําะสม โดยเรียกรวมๆ ทั้งแท่นเดิมกับแท่นเสริมว่ํา “ฐํานแว่นฟ้ํา” (สันติ เล็กสุขุม ๒๕๓๘: ๓๙) ซงึ่ ควํามหมํายนกี้ ส็ อดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของพระแทน่ ทต่ี ง้ั เรยี งซอ้ นสงู ลดหลนั่ กนั เปน็ ชน้ั ๆ ทตี่ กแตง่ ด้วยกํารหุ้มทองคํา (พระยําเทวําธิรําช ๒๕๐๔: ๒๐)
ส่วนคําว่ํา “พระแท่นสุวรรณเบญจดล” เร่ิมปรํากฏกํารใช้ครั้งแรกเมื่อครั้งพระรําชพิธี พระบรมศพรัชกําลที่ ๖ โดยเขียนระบุไว้ว่ํา “พระแท่นแว่นฟ้ําสุวรรณเบญจฎล” (ราชกิจจานุเบกษา ๒๔๖๙: ๒๑๒) ซึ่งมีรํากมําจํากกํารใช้คําเดิมที่มีมําก่อนคือ “พระแท่นแว่นฟ้ํา” แล้วประกอบต่อท้ําย ดว้ ยคํา ใหมว่ ํา่ “สวุ รรณเบญจฎล” ซงึ่ คํา นอี้ ําจแปลไดว้ ํา่ พระแทน่ หมุ้ ทองคํา เรยี งซอ้ นกนั ๕ ชนั้ เพอื่ เรยี กรวมพระแทน่ ทงั้ สอง และหลงั จํากนนั้ เปน็ ตน้ มํา ในเอกสํารทํางกํารจะใชค้ ํา วํา่ “พระแทน่ สวุ รรณ เบญจดล” กระทั่งถึงงํานพระบรมศพครั้งนี้ด้วย (ข่าวสด ๒๕๕๙ข)
เสด็จสู่แดนสรวง
๑๑๒ ศิลปะ ประเพณี และความเชื่อในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ


































































































   112   113   114   115   116