Page 191 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 191

โบสถ์วัดซํางตําครู้ส หรือ กุฎีจีน ตัวแทนของชุมชนชําวคริสต์นิกํายโรมันคําทอลิกในกรุงเทพฯ ภําพ ซ้ํายเป็นโบสถ์หลังเก่ํา ภําพขวําเป็นโบสถ์หลังใหม่ที่สร้ํางสมัยรัชกําลท่ี ๕ (ที่มํา: ภูมิ ภูติมหําตมะ)
อันอินทรีย์ชีวิตพลอยติดไป ครั้นเท้าย่างไปทางไหนไปทางนั้น จึงฝรั่งฝังผีตีนชี้ฟ้า ให้บาทาเยื้องย่างไปทางสวรรค์”
(อ้ํางจําก สมปรําชญ์ อัมมะพันธ์ ๒๕๓๖: ๑๙๖)
เมื่อเทศนําหน้ําศพจบแล้วมีกํารสวด ให้เหล่ําวงศําคณําญําติท้ังหลํายนอนคว่ําหน้ํา เรียงรํายไปตํามถนน บําทหลวงเดินนํา มีลูกศิษย์สี่คนแบกศพเดินตํามหลังคนทั้งหลํายที่นอน คว่ําหน้ําเรียงรํายอยู่ บําทหลวงประพรมน้ํามนต์ไปจนถึงห้องลับท่ีใช้ฝังศพ นําศพซึ่งบรรจุถุง ลงฝังในหลุมขนําดพอบรรจุศพ โดยเอําศีรษะลง ให้เท้ําช้ีฟ้ํา เอําก้อนหินทับไว้ บรรดําวงศ์ญําติ ทั้งหลํายถวํายข้ําวตอกดอกไม้ และมีกํารทําบุญกรวดน้ํา ดังคํากล่ําวว่ํา
ครั้นสวดจบศพใส่เข้าในถุง อ่านหนังสือถือเทียนเวียนระวัน
ค่อยเดินตามข้างหลังคนทั้งหลาย บาทหลวงพระประพราด้วยน้ามนต์ หกศีรษะเอาศพใส่หลุมตรุ พระบาทบงส์ตรงฟ้าศิลาทับ ให้ลูกหลานว่านเครือแลเชื้อสาย ให้กราบลงตรงบัลลังค์ตั้งบูชา แล้วกรวดน้าทาบุญกับบาทหลวง ครั้นสาเร็จเสร็จศพทาครบครัน
บาทหลวงนุ่งห่มดานาไปสวรรค์ ลูกศิษย์นั้นแบกผีทั้งส่ีคน ที่นอนเรียงรายขวางกลางถนน ตลอดจนห้องฝังกาบังลับ แต่พอจุศพถุงเหมือนปรุงปรับ เครื่องคานับนั้นก็ตั้งหลังศิลา ได้ถวายข้าวตอกดอกบุปผา เหมือนกราบฝ่าพระบาทไม่ขาดวัน ตามกระทรวงส่งให้ไปสวรรค์ มาพร้อมกันบรรดาเสนาใน
(อ้ํางจําก สมปรําชญ์ อัมมะพันธ์ ๒๕๓๖: ๑๙๖)
๘
ศิลปะ ประเพณี และความเช่ือในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ ๑๘๙
เสด็จสู่แดนสรวง


































































































   189   190   191   192   193