Page 222 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 222
ดังนั้น น่ําเช่ือว่ํา พระศพของกษัตริย์ในวัฒนธรรมอินเดียสมัยโบรําณ จึงได้รับกํารถวําย พระเพลิงที่ฆําฏเผําศพเช่นเดียวกับสํามัญชน และหลังจํากกํารถวํายพระเพลิงแล้วพระอัฐิก็จะ ถูกกวําดลงแม่น้ําศักด์ิสิทธ์ิทั้งหมด
ต่อมําเมื่อศําสนําอิสลํามได้เข้ํามําในอินเดีย ประเพณีกํารฝังศพและสร้ํางอําคํารสุสําน ได้เข้ํามําในวัฒนธรรมอินเดียด้วย กํารสร้ํางอําคํารถําวรเพื่อฝังศพและทําให้ควํามทรงจําของบุคคล คนนั้นยังคงปรํากฏอยู่จึงได้รับควํามนิยมเสมอตั้งแต่สมัยรัฐสุลต่ํานแห่งเดลลีจนถึงสมัยรําชวงศ์ โมกุล ซึ่งเป็นประเพณีที่แตกต่ํางไปจํากวัฒนธรรมเดิมในอินเดียอย่ํางชัดเจน
กํารสร้ํางสุสําน ส่งผลต่อวัฒนธรรมฮินดูอย่ํางมํากในระยะหลัง โดยต้ังแต่พุทธศตวรรษ ที่ ๒๐ เป็นต้นมําเริ่มปรํากฏ “อําคํารที่ระลึกสําหรับกษัตริย์หรือบุคคลชั้นสูงที่ตํายแล้ว” ในลักษณะ ของอําคํารเปล่ําซึ่งเรียกว่ํา “ฉัตรี” บ้ําง “สมําธิ” บ้ําง เป็นอําคํารที่สร้ํางขึ้นภํายหลังกํารเผําศพ และ เป็นอําคํารท่ีใช้ในกํารทําพิธีศรําทธ์คือ พิธีอุทิศส่วนกุศลให้กับบุคคลท่ีตํายไปแล้ว (ภําพท่ี ๕) กํารสรํา้ งฉตั รหี ลํายครงั้ สรํา้ งทบั บนจดุ ทถี่ วํายพระเพลงิ พระศพแตไ่ มใ่ ชอ่ ําคํารสํา หรบั ถวํายพระเพลงิ เช่นนี้เป็นกํารเลียนแบบกํารสร้ํางสุสํานในศิลปะอิสลํามแต่ไม่ได้มีกํารเก็บชิ้นส่วนศพหรืออัฐิ หรืออังคํารไว้เลย (Tadgell 1990: 263)
อยํา่ งไรกต็ ําม ไมป่ รํากฏหลกั ฐํานวํา่ มกี ํารเรยี กฉตั รเี หลํา่ นวี้ ํา่ “เมร”ุ และไมม่ คี วํามพยํายําม ในกํารเชื่อมโยงอําคํารเหล่ํานี้เข้ํากับคติควํามเช่ือเร่ืองภูเขํา
ภําพท่ี ๕ Jaswant Thanda ตัวอย่ํางฉัตรีของรําชวงศ์มําร์วํารสร้ํางขึ้นเพื่อรําลึกถึง กํารถวํายพระเพลิงของกษัตริย์แห่งนครโชธปุระ (Jodhpur)
เสด็จสู่แดนสรวง
๒๒๐ ศิลปะ ประเพณี และความเช่ือในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ