Page 305 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 305
พระเมรเุ อก โท ตรี และชนิ้ ทสี่ อง โคลงถวายพระเพลงิ พระบรมอฐั พิ ระเจา้ หลวง เพอื่ ปฏสิ งั ขรณภ์ ําพ ของพระเมรุในกํารพระรําชพิธีครั้งนั้นเสนอว่ํารูปแบบพระเมรุในพระรําชพิธีมีรูปแบบทําง สถําปัตยกรรมแบบพระเมรุเอก ซึ่งมีลักษณะเป็นพระเมรุทรงปรําสําทยอดปรํางค์เก้ํายอด ภํายใน ประดิษฐํานพระเมรุมําศอีกชั้นหน่ึงตํามแบบแผนด้ังเดิมในสมัยอยุธยํา (พระเจ้ําบรมวงษ์เธอกรม หม่ืนศรีสุเรนทร์ ๒๕๕๒)
5๑
ภําพที่ ๒ แบบสถําปัตยกรรมสันนิษฐํานของ “พระเมรุเอก” แบบแผนอยุธยําจํากเอกสําร ทํางประวัติศําสตร์ที่เป็นมรดกควํามทรงจํา ตกทอดมําจํากอยุธยํา และเอกสําร “โคลง ถวายพระเพลงิ พระบรมอฐั พิ ระพทุ ธเจา้ หลวง” ในพระบรมวงษ์เธอ กรมหม่ืนศรีสุเรนทร์
ทั้งนี้ พระบําทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ําจุฬําโลกมหํารําช มีพระรําชดําริในฤดูหนําว ปีเถําะ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.๒๓๓๗ (พระเจ้ําบรมวงษ์เธอกรมหมื่นศรีสุเรนทร์ ๒๕๕๒: ๑๓๖) ให้จัด กํารพระรําชพธิ นี ข้ี น้ึ ในกํารนน้ั ยงั โปรดเกลํา้ ใหส้ รํา้ งพระมหําพชิ ยั รําชรถ และรําชรถนอ้ ยอกี ๓ องค์ เพ่ือใช้ในพระรําชพิธีด้วยรวมพระรําชยํานที่ได้จัดสร้ํางทั้งหมดจํานวน ๗ องค์ และโปรดเกล้ํา “ให้ตัดไม้ทําเสําพระเมรุ ตั้งทรง ประดับเคร่ืองให้เสร็จแล้วแต่ในปีเถําะ” แต่มีกํารพระรําชพิธีถวําย เพลิงพระบรมอัฐิในปีมะโรง (พระบําทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ําเจ้ําอยู่หัว ๒๕๔๖: ๒๖๕-๒๖๖)
กํารพระรําชพิธีถวํายเพลิงพระบรมอัฐิจัดขึ้นอย่ํางยิ่งใหญ่ และแฝงนัยบํางประกํารในกําร สถําปนําสมมติเทวรําชใหม่ เพ่ือทําหน้ําที่เป็นดั่ง “พระเทพบิดร” ประจํากรุงรัตนโกสินทร์ ซงึ่ ขํา้ รําชกํารจะตอ้ งถวํายบงั คมพระบรมอฐั ฯิ กอ่ นเขํา้ พธิ ถี อื นํา้ เนอื่ งจําก “พระเชษฐบดิ ร” แหง่ กรงุ ศรีอยุธยําได้ถูกไฟแห่งสงครํามทําลํายลง อีกท้ังยังเป็นกํารฟื้นฟู และชําระธรรมเนียม กํารพระรําชพิิธีต่ํางๆ ตํามแบบแผนเมื่อคร้ังกรุงเก่ําขึ้นอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงพระรําชประสงค์ ใหก้ ํารพระรําชพธิ ดี งั กลํา่ วเปน็ “แมแ่ บบ” ในกํารเตรยี มพระรําชพธิ เี สดจ็ สสู่ วรรคําลยั ของพระองคด์ ว้ ย ซง่ึ แนวคดิ กํารเตรยี มกํารดงั กลํา่ วยงั ปรํากฏอยใู่ นพระรําชดํา รใิ นกํารจดั สรํา้ งพระมหําพชิ ยั รําชรถ ๑ องค์ รําชรถนอ้ ย ๓ องค์ และพระรําชยํานอนื่ ๆ รวมเปน็ ๗ องค์ ดงั ทพ่ี ระบําทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลํา้
ศิลปะ ประเพณี และความเช่ือในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ 3๐3
เสด็จสู่แดนสรวง