Page 51 - เสด็จสู่แดนสรวง
P. 51

เชิญอัฐิไปทางน้า
เมอืงฟํา้ไปทํางน้ําเปน็ควํามเชอื่ดงั้เดมิดึกดําบรรพร์ําว๒,๕๐๐ปีมําแล้วครนั้หลงัรบัพทุธ กับพรําหมณ์ ยังสืบเนื่องในงํานพระบรมศพพระเจ้ําแผ่นดินไปทํางน้ําโดยเรือนําค ตั้งแต่รําวหลัง พ.ศ.๑๐๐๐ กระท่ังหลัง พ.ศ.๒๐๐๐ ยุคต้นอยุธยํา (ก่อนมีพระเมรุมําศ)
มีร่องรอยและหลักฐํานอยู่ในเอกสํารชําวยุโรปพรรณนํางํานถวํายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระไชยรําชําธิรําช ยุคต้นอยุธยํา (พ.ศ.๒๐๗๗-๒๐๘๙ มีสนมเอกนํามว่ํา ศรีสุดําจันทร์) เมื่อเผําพระศพแล้วเชิญพระอัฐิไปทํางน้ํา ดังนี้
“บรรดาพิธีซ่ึงต้องทาในการนั้น อันเป็นขนบธรรมเนียมของประเทศนี้คือตั้งฟืนกองใหญ่ อันมีไม้จันทน์ ไม้กฤษณา ไม้กระลาพัก และกายาน แล้วนาพระศพของพระเจ้าแผ่นดินองค์ซึ่ง สวรรคตนั้นขึ้นวางเหนือกองฟืนดังกล่าว จุดไฟเผาด้วยวิธีการอันแปลกประหลาด...
แต่ในท่ีสุดพระศพก็กลายเป็นเถ้าถ่าน พวกเขาเก็บไว้ในพระโกศเงิน ซ่ึงพวกเขาได้ จัดลงเรือซึ่งตกแต่งสวยงามมาก ติดตามไปด้วยเรือ ๔๐ ลา มีพระสงฆ์นั่งเต็ม ซึ่งเป็นพระมี สมณศักดิ์สูงที่สุด...
ต่อจากนั้นก็เป็นขบวนเรือเล็กๆ ๑๐๐ ลา บรรทุกรูปปั้นสัตว์ต่างๆ...
ในขบวนน้ี เรือเหล่านี้ทุกๆ ลาไปข้ึนบกที่วัด ชื่อวัด...พระอัฐิและพระอังคารของพระเจ้า แผ่นดิน ซึ่งบรรจุอยู่ในโกศเงิน ได้ถูกประดิษฐานไว้ที่นั่น... แล้วจุดไฟเผาบรรดารูปสัตว์จานวนนับ ไม่ถ้วน ทั้งอยู่ในลักษณะยืนในเรือ
เรือศักดิ์สิทธิ์ ลํายสลักบนไหสําริดใส่กระดูกคนตําย อํายุรําว ๒,๕๐๐ ปี มําแล้ว พบที่เวียดนําม บนฝําไหมีประติมํากรรมลอยตัวหญิงชํายประกบกัน แสดงท่ําร่วมเพศ เป็นสัญลักษณ์ของกํารเจริญเผ่ําพันธุ์ เพ่ือควํามสมดุลที่สูญเสียเครือญําติไป (ภําพจํากหนังสือ จ้วง: เครือญาติตระกูลไทยผู้ยิ่งใหญ่ คนไทยอยู่ ท่ีนี่ ที่อุษาคเนย์ ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ มหําวิทยําลัยศิลปํากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๓๗)
เรือศักดิ์สิทธิ์สุวรรณภูมิ รําว ๒,๕๐๐ ปี มําแล้ว ลํายสลักด้ํานข้ํางกลองมโหระทึก พบที่วัดมัชฌิมําวําส (วัดกลําง) ต.ดอนตําล อ.ดอนตําล จ.มุกดําหําร (ภําพจํากหนังสือ กลองมโหระทึกในประเทศไทย. เมธินี จิระวัฒนํา. สํานักพิพิธภัณฑสถํานแห่งชําติ กรมศิลปํากร, ๒๕๔๖.)
๑
ศิลปะ ประเพณี และความเช่ือในงานพระบรมศพและพระเมรุมาศ 4๙
เสด็จสู่แดนสรวง


































































































   49   50   51   52   53