Page 38 - วรรณกรรมมัธยม
P. 38
เป็นการด าริของ นายเดชา กลิ่นกุสุม นายกเทศมนตรี ในขณะนั้นได้จัดงานแข่งเรือพายเป็นประเพณีใน
ช่วงฤดูน้ าหลากหรือในเทศกาลออกพรรษาเพื่อเป็นการสร้างความรักความสามัคคีในหมู่ชาวบ้านด้วยกัน
จนเป็นที่แพร่หลายไปยังทุกอ าเภอและบริเวณจังหวัดใกล้เคียง โดยแบ่งเรือออกเป็นหลายประเภท
ประเพณีแข่งเรือพายชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี นอกจากจัดขึ้น
เพื่ออนุรักษ์เผยแพร่ประเพณีให้คนทั่วไปได้รู้จักแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น จัดขึ้น
ที่บริเวณริมเขื่อนสะพานแดง คลองรังสิตประยูรศักดิ์ (คลองหนึ่ง) ในทุกปีนักเรียนก็จะเห็นผู้คนมากมาย
นั่นแหละค่ะ”ขณะคุยกันเพลินๆ เสียงฝีเท้าคนเดินมา พวกเราเงียบกันหมดสายตาจดจ้องไปที่ประตู
ใครนะมาในยามวิกาลอย่างนี้ “จ๊ะเอ๋! ท าอะไรกันอยู่” ทุกคนถอนหายใจพร้อมเสียงหัวเราะ เมื่อครูวารีเปิด
ประตูเข้ามาพร้อมขนมในมือมากมายมาฝากพวกเรา “ท าไมยังไม่นอนกันอีกคุยอะไรกันอยู่หรือ”
ครูวารีถาม ครูเอื้องยกมือไหว้ทักทายพร้อมๆ กับพวกเรา (สิ่งหนึ่งที่พวกเรา ซึมซับมาจากโรงเรียน คือ
วัฒนธรรมการไหว้ เราจะเห็นครูอาจารย์ที่เช้าขึ้นมาจะยกมือไหว้ทักทายกันจนพวกเราทุกคนติดเป็นนิสัย
เช่นกัน) “เด็กเขาชวนคุยค่ะพี่ เรื่องที่มาของประเพณีการแข่งเรือ พี่มาพอดีนักเรียนถามครูวารีสิ
ท่านสอนวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นรับรองละเอียดกว่าครู” ครูวารีรีบปฏิเสธทันที “ไม่เอาละเดี๋ยวนอนดึก
พรุ่งนี้ตื่นมา ไม่สวย” พี่ใหม่ “เล่าเถอะค่ะหนูก าลังจะไปสอบเข้าสาขานาฏศิลป์ ที่มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร” พี่ปราง “หนูที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี สาขานาฏศิลป์เหมือนกันค่ะ
จะได้มีความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นเมืองปทุมธานีสอบสัมภาษณ์มาจะได้มีองค์ความรู้มากขึ้น นะนะนะ”เด็กๆ ยัง
ไม่มีวี่แววการง่วงนอน ครูวารีมองครูเอื้อง ครูเอื้องยิ้ม พยักหน้าเป็นการสนับสนุนเด็กๆ ครูวารีจึงใจอ่อน
นั่งลง พวกเรารีดผ้าเสร็จพอดีก็เอาดอกไม้แห้งที่จะใช้แต่งผมในวันพรุ่งนี้ออกมาดัดกลีบ ล้อมวงเข้ามาด้วย
ความอยากรู้เช่นกัน
ครูวารีนั่งลงใกล้ๆ ครูเอื้อง พิงหลังไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นกันเอง ท่านเริ่มเล่าว่า “วันนี้
เวลาน้อยก็จะเล่าแค่เรื่องประเพณีแข่งเรือพายนะ ก่อนอื่นก็ต้องบอกนักเรียนว่า ประเพณีทุกประเพณี
ในแต่ละท้องถิ่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะสะท้อนชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า
หน้าผม การแต่งกายวิถีชีวิตการท ามาหากินของคนในท้องถิ่นนั้นๆ การแข่งขันเรือพายประเพณี ก็
เหมือนกัน แต่เดิมมีการแข่งขันเรือขนส้มตามคลองเล็กๆ หลายคนคงไม่ทราบว่า ส้มเขียวหวาน เป็น
พืชเศรษฐกิจที่ท ารายได้สูงสุดของจังหวัดปทุมธานีคิดเป็นร้อยละ 54 ของรายได้ในพุทธศักราช 2539
(ข้อมูลจากส านักเกษตรจังหวัดปทุมธานีประจ าเดือนพฤษภาคม 2541) อ าเภอที่ปลูกส้มมากได้แก่
อ าเภอหนองเสือ อ าเภอธัญบุรี อ าเภอคลองหลวงและอ าเภอล าลูกกา ปัจจุบันจังหวัดปทุมธานีไม่มีใคร
เคยเห็นสวนส้มเขียวหวานโดยเฉพาะคนรุ่นหลังยิ่งแทบจะไม่ได้พูดถึงกันเลย ครูเองในฐานะที่เป็นครูผู้สอน
ในรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นก็ต้องหาความรู้เรื่องราวในอดีตในท้องถิ่นของเราและเพื่อเป็นความรู้
เล่าสู่ชนรุ่นหลังจึงได้พยายามหาข้อมูล จนได้มีโอกาสพบกับคุณสมเกียรติ ศรีสังข์สุข ซึ่งขณะนั้นท่านเป็น
คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนวัดบึงบา ซึ่งอดีตคือเจ้าของสวนส้มเขียวหวานรุ่นแรกๆ ของ
จังหวัดปทุมธานี” ท่านได้เล่าให้ครูฟังว่า “ในปี 2517 ครอบครัวของท่านและเพื่อนร่วมอาชีพปลูกส้ม
หลายครอบครัวอพยพการท าสวนส้มจากบางมด ซึ่งมีท าเลที่ตั้ง ใกล้กับทะเลมักจะประสบปัญหาจาก
น้ าทะเลหนุน น้ าเค็มมีปัญหาในการเพาะปลูก จึงเลือกที่จะอพยพมาท าการเพาะปลูกส้มที่จังหวัดปทุมธานี
ตามอ าเภอดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่มติดแม่น้ าเจ้าพระยา มีคูคลองส่งน้ า น้ าท่าอุดม
38