Page 39 - วรรณกรรมมัธยม
P. 39
สมบูรณ์สะดวกในการทดน้ าเข้าสวนอยู่ใกล้กรุงเทพฯ สะดวกในการขนส่ง และราคาที่ดินในขณะนั้น
ก็ไม่สูงนัก” การท าสวนส้มเขียวหวานประสบความส าเร็จอย่างสูง จนจัดได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่ท ารายได้
สูงที่สุดให้แก่จังหวัดปทุมธานี ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสวนร่ ารวยขยับขยายเพิ่มจ านวนการปลูกมากขึ้น
จนเกือบถึงจังหวัดนครนายก มากที่สุดคืออ าเภอหนองเสือที่เป็นที่มาของการแข่งเรือขนส้มนั่นเอง
ชาวสวนส้มในชุมชนได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ าชูวัด และโรงเรียนได้อย่างเต็มที่ ถึงตอนนี้ครูวารี
ได้เสริมว่า “ทุกครั้งที่โรงเรียนมีกิจกรรมกีฬาสีหรือการท าบุญทอดผ้าหรืองานขึ้นปีใหม่เรียกได้ว่า ส้มไม่ต้อง
ซื้อหากันเลยทีเดียว “จนกระทั้งปีพุทธศักราช 2538 รัฐบาลส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยชีวภาพในสวนส้ม
แต่ขาดการส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกรอย่างครบวงจรเมื่อเกษตรกรน าปุ๋ยชีวภาพมาใช้อย่างขาด
ความรู้ขาดทิศทางเพราะปุ๋ยชีวภาพข้อดีคือราคาถูกแต่ประสิทธิภาพของสารขจัดแมลงนั้นยังสู้ปุ๋ยเคมีไม่ได้
เมื่อเกษตรกรใช้ทิ้งช่วงห่างเกินไปจึงเกิดโรคระบาดในสวนส้มคือ โรคกรีนนิ่งอาการของโรคคือ ยอดเหลือง
ลูกแคระแกรนเมื่อออกผลมีอายุได้ 7 เดือนก็ร่วงหมดต้น การระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว จากสวนหนึ่งไป
สวนหนึ่งโดยขาดการดูแลจากภาครัฐกว่าที่จะหาสาเหตุได้ชาวสวนก็ประสบปัญหาขาดทุน ในพุทธศักราช
2540-2541 ซึ่งประเทศเกิดวิกฤตฟองสบู่แตก ประเทศชาติประสบปัญหาเศรษฐกิจจึงขาดการดูแลจาก
ภาครัฐ ชาวสวนต้องขายสวนทิ้งบ้างและจ านองกับธนาคารถูกธนาคารยึดบ้าง บางพื้นที่ที่ท าเลดีๆ ติดถนน
แถวคลองสาม คลองสี่ก็กลายเป็นบ้านจัดสรร” เล่าถึงตอนนี้พี่ใหม่ถึงกลับหัวเราะเสียงดังแล้วบอกว่า
“อ๋อหมู่บ้านพฤกษาแถวบ้านหนูเองค่ะ” ทุกคนจึงหัวเราะกันสนุกสนานครูวารีเล่าต่อว่า “ส่วนที่ลึกและ
ห่างไกลจากการคมนาคมตั้งแต่หนองเสือแถวคลองสิบก็เปลี่ยนไปปลูกพืชผักล้มลุก ท าสวนกล้วยไม้
สวนแก้วมังกร ปลูกหญ้าท านาหญ้าขายกันเป็นส่วนใหญ่” คุณสมเกียรติเล่าให้ฟังต่อว่า “ปัจจุบัน
ชาวสวนส้มปทุมธานีกลุ่มหนึ่งรวมทั้งครอบครัวท่านเองได้อพยพครอบครัวไปท าสวนส้มที่จังหวัดลพบุรี
จังหวัดก าแพงเพชร และเชียงใหม่ตัวท่านเองมีสวนส้มที่อ าเภอพรานกระต่ายจังหวัดก าแพงเพชร ถึง
200 ไร่” “คุณสมเกียรติมีความภาคภูมิใจที่เป็นชาวปทุมธานีทุกวันนี้ยังมีภูมิล าเนาอยู่ที่อ าเภอหนองเสือ
สวนส้มเก่าเอามาปลูกพืชผักขาย ยังคงมีความรักและผูกพันกับชาวปทุมธานี” ครูวารีเล่าถึงตอนนี้ก็ส่งถุง
ส้มให้กับพวกเราพร้อมกับพูดว่า “ใครจะรู้ว่าส้มที่เราซื้อกินทุกวันนี้อาจจะเป็นส้มฝีมือการปลูกจากชาว
ปทุมธานีก็ได้ ครูจะบอกความลับให้นี่เป็นส้มจากสวนคุณสมเกียรติเลยนะ” ทุกคนหยิบส้มไปปอก
รับประทานพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ เพราะรู้ว่าครูวารีพูดเล่นให้เราได้สนุกสนานกัน
ครูเอื้องจึงพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมากค่ะพี่ เอื้องก็พลอยได้ความรู้ไปกับเด็กๆ ด้วยดีจังค่ะ พี่
ต้องเขียนไว้ให้เด็กเรียนนะคะ” ครูเอื้องพูดยังไม่ทันจบพี่ปรางก็ถามขึ้นมาทันทีว่า “หนูเคยได้ยินเพลงของ
ไวพจน์ เพชรสุพรรณนะคะ ชื่อเพลง “แตงเถาตาย” เลยคิดว่าไม่เห็นมีแตงโมอย่างในเพลงเลยค่ะ ทีแท้
ก็มีสวนส้มหรือคะนี่” ครูวารีถามว่า “ใครอยากฟังเรื่องต่อให้ร้องเพลงแตงเถาตายให้ครูฟัง เดี๋ยวครูเล่า
ให้ฟังว่า แตงโมหายไปไหน” เท่านั้นแหละน้องๆ พี่ๆ ที่ยังนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นกับงานวันพรุ่งนี้
กับบางส่วนยังสนุกกับการฟังเรื่องราวต่างๆ ก็ช่วยกันร้องเพลงเคาะจังหวะบ้างปรบมือบ้างอย่างสนุกสนาน
“ตั้งแต่รังสิตไปจนติดบางปะอิน พหลโยธินมีของกินไม่น้อย แม่ค้าหน้าหวานนั่งร้านแผงลอย ปากนิด
จมูกหน่อยนั่งร้อยพวงมาลัย สะพานรังสิตเชื่อมติดใต้เหนือ มีก๋วยเตี๋ยวเรือตั้งแต่เหนือจรดใต้ วันเสาร์
วันอาทิตย์แฟนเขาติดมากมาย แต่เดี๋ยวนี้เขาย้ายเลิกขายริมคลอง ริมทางระหว่างที่กล่าวมีแฟนแม่สาว
หน้าขาวผิวผ่อง ผัดหน้าทาแก้มเสียแดงนั่งร้านขายแตงอยู่ที่ริมคลอง ฝานแตงแดงๆ เป็นแผ่นเหมือนหนึ่ง
39