Page 335 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 335

ื่
               พระพุทธเจ้าได้แสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรมาก่อน เรองธัมมจักกัปปวัตนสูตรนั้น พระองค์ทรงแสดง
               อริยมรรคมีองค์  ๘  คือ  “สัมมาทิฐิ”  คือการเข้าใจที่ถูกต้อง  ถูกต้องในที่นี้หมายถึงถูกต้องอะไร

                                                                ั
                                                                           ่
               ถูกต้องในเรื่องร่างกายของเรานี่แหละ รู้ว่าบาปเป็นยงไงด้วย รู้วาบุญเป็นยังไงด้วย ทำดีก็ต้องได้ดี
               คือ สร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทุกอย่าง ถ้าสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทุกอย่างแล้ว ก็จะทำถูกต้อง

               มันจะไม่ทำผิด  เพราะมันเป็นสัมมาคือความถูกต้อง  แต่ถ้าหากสร้างความคิดผิดมาแล้ว  สร้าง

                                       ิ
               มิจฉาทิฐิ คือความเข้าใจผดขึ้นมาแล้ว มันก็จะทำผิด พูดผิด คิดผิด พยายามผิด และก็มีสติในทางที่
               ผิด  และก็สมาธิในทางที่ผิด  มิฉะนั้นแล้วพระพุทธเจ้าจะไม่ตรัสว่า  “สัมมาทิฏฐิ”  ก็คือสร้างให้มัน

               ถูกต้อง  ถ้าถูกต้องแล้วมันก็เป็นสัมมาทิฐิคือ  ความเข้าใจถูกต้อง  “สัมมาวาจา”  คือ  การพูดก็จะ

               ถูกต้อง  “สัมมาวายามะ”  คือความพยายามถูกต้อง  “สัมมาสังกัปปะ”  คือการดำริก็จะถูกต้อง

               “สัมมากัมมันตะ” คือการกระทำก็มันถูกต้อง “สัมมาสติ” คือการระลึกรู้ก็ถูกต้อง “สัมมาอาชีวะ”

               คือการเลี้ยงชีวิตก็ถูกต้อง “สัมมาสติ” อันนี้ก็ระลึกรู้อย่างถูกต้อง “สัมมาสมาธิ” คือการคิดหรือว่า

               การตั้งใจที่ถูกต้อง มันก็ถูกต้อง ๆ ไปหมด

                     เพราะฉะนั้น ปัญจวัคคีย์ ๑ ใน ๕ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ฟัง ท่านโกณฑัญญะเกิดดวงตา

                                                                ั
                                                                                               ั
               ในหรือว่าธรรมจักษุเกิดขึ้น แต่อีก ๔ องค์ที่เหลือนั้นยงไม่เกิดขึ้น เพราะว่าไม่แน่ใจ ยังลงเลสงสัยใน
               พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า  และลังเลในตัวพระพุทธเจ้าว่าได้ตรัสรู้จริงไหม  ท่านยังลังเลอยู่

               แต่โกณฑัญญะได้เชื่อมั่นแล้วว่าท่านได้ตรัสรู้จริง เพราะฉะนั้น จิตก็เลยตั้งมั่นฟังอย่างพินิจพิจารณา

               โอ้ ก็เลยเกิด “ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ” สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็น

               ธรรมดา  สิ่งนั้นก็ดับไปเปนธรรมดา  พระพุทธเจ้าถึงกับอุทาน  “อัญญาสิ  วะตะโภ  โกณฑัญโญ
                                       ็
               อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ” ถึง ๓ ครั้ง โอ้ โกณฑัญญะเข้าใจแล้ว โอ้ โกณฑัญญะรู้ทางสว่างของ

               ชีวิตแล้ว บัดนี้เธอจะไม่มืดบอดอีกต่อไป นี่เป็นอย่างนั้น

                     ทีนี้พระองค์ก็ทรงเช็คดูว่าอีก ๔ องค์ ทำไมไม่เข้าใจ ก็เลยเรียกมาทีละองค์ ๆ ดูสมมติฐานของ

               โรคว่าเกิดจากอะไรทำไมไม่เข้าใจ ก็เลยรู้ว่าปัญจวัคคีย์แต่ละองค์ ๆ มีอุปนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน จึง

               ได้แสดงธรรมะปลีกย่อย เรียกว่า “ปกิณกธรรม” คือ ธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่เข้าไปในจิตของวัปปะ

               ภัททิยะ  มหานามะ  อัสสชิ  ทั้ง  ๔  องค์  ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเหมือนกัน  พอได้ดวงตาเห็นธรรม

               เหมือนกันแล้ว พระองค์จึงได้เรียกมา พอเรียกมาแล้ว ก็ “รูปัง อนัตตา” โดยตรัสวา “ดูก่อนภิกษุ
                                                                                            ่
               ทั้งหลาย ร่างกายนี่ไม่ใช่ตัวตน นั่นหมายความว่า เกิดดวงตาในแล้ว ถึงจะสอนเรื่องความไม่มีตัวตน

               ถ้าสอนก่อนปัญจวัคคีก็จะมึนอยู่นั่นละ เพราะว่าไม่มีดวงตาใน อย่างเรานี่ใคร ๆ ก็พูดได้ ร่างกาย

               เป็นอนัตตานะ แต่ไม่รู้จริง มันเป็นเพียงสัญญาคือความจำ เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง ก็พูดไปได้ แต่



                                                          ๓๓๕
   330   331   332   333   334   335   336   337   338   339   340