Page 13 - ประวัติ ผลงานและประสบการณ์ นายชนะศักดิ์ อ
P. 13
6
มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้า และมาตรา ๒๐๙ มาใช้บังคับแก่การพ้นจาก
ต าแหน่งของผู้ด ารงต าแหน่ง ในองค์กรอิสระโดยอนุโลม
ในกรณีที ผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระต้องหยุดปฏิบัติหน้าที ่ตามมาตรา ๒๓๕ วรรคสาม
ถ้ามีจ านวนเหลืออยู่ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ให้น าความในมาตรา ๒๑๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๒๑๙ ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันก าหนดมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้น
ใช้บังคับแก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงิน
แผ่นดิน และ หัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ และเมื่อประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ ทั้งนี้ มาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวต้องครอบคลุมถึงการ
รักษาเกียรติภูมิและผลประโยชน์ ของชาติและต้องระบุให้ชัดแจ้งด้วยว่าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรฐานทางจริยธรรมใดมีลักษณะร้ายแรง
ในการจัดท ามาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง ให้รับฟังความคิดเห็นของ สภา
ผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย และเมื่อประกาศใช้บังคับแล้วให้ใช้บังคับแก่
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีด้วย แต่ไม่ห้ามสภาผู้แทนราษฎร
วุฒิสภา หรือ คณะรัฐมนตรีที่จะก าหนดจริยธรรมเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ของตน แต่
ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับ มาตรฐานทางจริยธรรม ตามวรรคหนึ่ง และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒๑ ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้องค์กรอิสระร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อให้บรรลุ
เป้าหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กร และถ้าองค์กรอิสระใดเห็นว่ามีผู้กระท าการอันไม่
ชอบด้วยกฎหมายแต่อยู่ ในหน้าที่และอ านาจขององค์กรอิสระอื่น ให้แจ้งองค์กรอิสระนั้นทราบเพื่อ
ด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจต่อไป
ส่วนที่ ๒ คณะกรรมการการเลือกตั้ง
มาตรา ๒ ๒ ๒ คณะกรรมการการเลือกตั้งประกอบด้วยกรรมการจ านวนเจ็ดคน
ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามค าแนะน าของวุฒิสภา จากบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาการต่างๆ ที่จะยังประโยชน์แก่การบริหาร และ
จัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ซึ่งได้รับ การสรรหาจากคณะกรรมการสรรหา จ านวนห้าคน
(๒) ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านกฎหมาย มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่
ประจักษ์และเคยด ารงต าแหน่งไม่ต่ ากว่าอธิบดีผู้พิพากษา หรือต าแหน่งไม่ต่ ากว่าอธิบดีอัยการ
มาแล้ว เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีซึ่งได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจ านวนสองคน ผู้ซึ่ง
จะได้รับการสรรหาเป็นกรรมการการเลือกตั้งตาม (๑) ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๒๓๒ (๒) (๓) (๔)
(๕) (๖) หรือ (๗) หรือเป็นผู้ท างานหรือเคยท างานในภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า
ยี่สิบปี ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการสรรหาประกาศก าหนด
มาตรา ๒ ๒ ๓ กรรมการการเลือกตั้งมีวาระการด ารงต าแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ด ารงต าแหน่งได้เพียงวาระเดียว ในระหว่างที่กรรมการการ
เลือกตั้งพ้นจากต าแหน่งก่อนวาระ และยังไม่มีการแต่งตั้ง กรรมการการเลือกตั้งแทนต าแหน่งที่ว่าง