Page 58 - สรุปติว
P. 58

58


                 (2) ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
                 (3) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึง

          ความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
                 (4) กระทําการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

                 (5) ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ ข่มเหง หรือทําร้ายประชาชนผู้ติดต่อราชการอย่างร้ายแรง
                 (6) กระทําความผิดอาญาจนได้รับโทษจําคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกหรือให้รับโทษที่หนัก
          กว่าโทษจําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

                 (7) ละเว้นการกระทําหรือกระทําการใด ๆ อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 82 หรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามมาตรา 83 อันเป็นเหตุให้
          เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

                 (8) ละเว้นการกระทําหรือกระทําการใด ๆ อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 80 วรรคสองและมาตรา 82 (11) หรือฝ่าฝืนข้อห้าม
          ตามมาตรา 83 (10) ที่มีกฎ ก.พ. กําหนดให้เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

          46. โทษทางวินัยมี 5 สถาน ดังต่อไปนี้
                 (1) ภาคทัณฑ์         (2) ตัดเงินเดือน

                 (3) ลดเงินเดือน      (4) ปลดออก
                 (5) ไล่ออก
          47. หากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง

                  ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุสั่งลงโทษ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือนหรือลดเงินเดือนตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด

                  ในกรณีมีเหตุอันควรลดหย่อน จะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่สําหรับการลงโทษภาคทัณฑ์ให้ใช้เฉพาะกรณี
          กระทําผิดวินัยเล็กน้อยในกรณีกระทําผิดวินัยเล็กน้อยและมีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษให้โดยให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าว
          ตักเตือนก็ได้

          48.หากข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง

                  ให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็
          ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ํากว่าปลดออก
          49. ผู้ใดถูกลงโทษปลดออก ให้มีสิทธิได้รับบําเหน็จบํานาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจากราชการ

          50. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งโดยยื่น
          ล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วันเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ เป็นผู้พิจารณาก่อนวันขอลาออก

          51. ในกรณีที่ผู้ประสงค์จะลาออกยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อยกว่า 30 วัน ทําได้ โดยผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ เห็นว่ามี
          เหตุผลและความจําเป็นจะอนุญาตให้ลาออกตามวันที่ขอลาออกก็ได้

          52.ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ เห็นว่าจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ จะยับยั้งการลาออกไว้ได้ เป็นเวลาไม่เกินเก้าสิบวัน
          นับแต่วันขอลาออกก ในกรณีเช่นนั้นถ้าผู้ขอลาออกมิได้ถอนใบลาออกก่อนครบกําหนดระยะเวลาการยับยั้งให้ถือว่าการลาออกนั้นมีผล

          เมื่อครบกําหนดเวลาตามที่ได้ยับยั้งไว้ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ มิได้ยับยั้งให้การลาออกนั้นมีผลตั้งแต่วันขอลาออก
          53. ผู้ใดถูกสั่งลงโทษตามพระราชบัญญัตินี้หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบหรือ

          ถือว่าทราบคําสั่ง
          54. เมื่อ ก.พ.ค. พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ ดําเนินการให้เป็นไปตามคําวินิจฉัยนั้นภายใน 30 วัน

          นับแต่วันที่ ก.พ.ค.มีคําวินิจฉัย






                                                     นนทวิกา วงษ์สกุล
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63