Page 18 - งารวารสาร 5/6
P. 18
คุณสมบัติอีกอย่างคือ เพชรมีรอยแยกแนวเรียบ (Cleavage) ที่สมบูรณ์ 4 ทิศทาง
(Octahedral Cleavage) รอยแยกดังกล่าวจะเป็นรอยที่เพชรแตกออกได้ง่ายที่สุด ซึ่งจะมี
ส่วนช่วยในการตัดและเจียรเป็นเพชรให้มีสัดส่วนและขนาดตามความต้องการได้สะดวกขึ้น
ในทางกลับกัน จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นกัน หากไม่ต้องการให้เพชรแตกตามแนว
รอยแยกดังกล่าว ซึ่งจะก่อให้เกิดตําหนิภายในเพชร ได้
เพชรมีความวาวสูง ทางวิชาการเรียกว่า Adamantine Luster
ปรกติหากยังไม่มีการตัด ขัด และเจียระไนจะไม่เห็น จะเห็นเฉพา
ะลักษณะผิวนอกสีเทาตะกั่ว (Lead - Grey - Metallic Appearance)
คุณสมบัติของความวาวและความเป็นประกาย (Luster and Brilliancy)
เรียกกันว่า "ไฟ" (Fire) ส่วนความโปร่งใส (Degree of Transparency)
เป็นคุณสมบัติที่เรียกกันว่า "น้ํา" (Water of a Diamond)
เพชรแตกง่ายเมื่อถูกความร้อนเฉียบพลัน
ในกรณีที่ได้รับความร้อนในระดับอุณหภูมิสูงนานๆ ผิวนอก
จะเป็นสีดํา ถ้าทําให้เพชรมีความร้อนสูงถึง 1,500 องศาเซลเซียส
ในสูญญากาศ จะเปลี่ยนเป็นแกรไฟต์ โดยปรกติแล้วเพชรจะไม่ทําปฏิกิริยา
กับสารเคมีใดๆ บางตํารากล่าวว่ามีเพียงกรดโครมิก ซัลฟูริก เท่านั้น
ที่เปลี่ยนเพชร ให้กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ เพชรมีค่าการนําความร้อนสูงมาก คือสูงกว่าทองแดง 5 เท่า .
นายอนุชิต บัวล้อมใบ เลขที่ 36
อ้างอิง : http://www.patchra.net/minerals/gems/diamond04.php