Page 13 - BBLP ejournal2018.docx
P. 13
Journal of Biotechnology in Livestock Production
ค าน า
ในการเลี้ยงโคนมลักษณะที่ก าหนดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจนอกจากลักษณะการให้ผลผลิต และ
ลักษณะรูปร่าง ลักษณะความสมบูรณ์พันธุ์ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งที่หลายประเทศได้ให้ความสนใจกันมากขึ้น
เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและผลก าไรที่จะได้รับ โคนมที่มีความสมบูรณ์พันธุ์ดี
จะมีต้นทุนการผลิตน ้านมที่ต ่ากว่าโคนมที่มีความสมบูรณ์พันธุ์ด้อยกว่า (Groen et al., 1998) เนื่องจาก
ต้นทุนค่าน ้าเชื้อพันธุ์ที่ผสมซ ้าหลายครั้งต้นทุนค่ารักษาพยาบาล และต้นทุนที่เกิดการคัดทิ้งโคก่อนเวลาอัน
ควรแบบไม่ได้ตั้งใจลดลง เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิตน ้านมที่เพิ่มขึ้นจากจ านวนวันให้นมตลอด
ช่วงชีวิต และระยะเวลาของการให้นมของโคนมที่เพิ่มขึ้น (Dekkers, 1991)
โดยทั่วไปลักษณะที่ใช้ประเมินความสมบูรณ์พันธุ์ในโคนมจะเป็นลักษณะที่สะท้อนถึงความสามารถ
ที่โคจะกลับมาเป็นสัดหลังคลอด: ช่วงห่างจากคลอดถึงการผสมเทียมครั้งแรก (Days from calving to first
service, DTFS), ความสามารถในการตั้งท้อง:อัตราการไม่กลับสัดจากการผสมครั้งแรก (Non return rate,
NR), ช่วงห่างระหว่างการผสมเทียมครั้งแรกและครั้งสุดท้าย (Days from first service to conception,
DFTC), อัตราการผสมติด (Conception rate, CR), จ านวนครั้งการผสมเทียมต่อการผสมติด (Number of
service per conception, NSPC) และเป็นการรวมกันของลักษณะข้างต้น: ช่วงห่างการคลอดลูก (Calving
interval, CI) และช่วงห่างจากคลอดถึงผสมติด (Days from calving to conception or Days open, DO)
การปรับปรุงพันธุ์โคนมในประเทศไทยได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 60 ปี โดย
มุ่งเน้นการให้ผลผลิตน ้านมเป็นหลัก ด้วยการน าพันธุกรรมโคนมสายพันธุ์ในเขตอบอุ่น เช่น เรดเดน บราวน์
สวิส เจอร์ซี่ และโฮลสไตน์ฟรีเชี่ยน เป็นต้น มาผสมข้ามพันธุ์แบบยกระดับสายเลือด (Up grading) กับแม่
โคพันธุ์พื้นเมือง และลูกผสมบราห์มันxพื้นเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุกรรมของโคนมพันธุ์โฮลสไตน์
ฟรีเชี่ยนซึ่งมีความดีเลิศด้านการให้ผลผลิตน ้านม และขนาดล าตัวใหญ่ การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ได้
ด าเนินการผ่านระบบการคัดเลือกพ่อพันธุ์ และการผสมพันธุ์ของประเทศเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ท าให้
ประชากรโคนมส่วนใหญ่มีสายเลือดโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเชี่ยนมากกว่า 87.50% ขึ้นไป (กรมปศุสัตว์,
2558)
อย่างไรก็ตามการคัดเลือกโดยการเพิ่มปริมาณน ้านมเพียงอย่างเดียวอย่างต่อเนื่องส่งผลท าให้
สมรรถภาพทางระบบสืบพันธุ์ลดลง (Pryce and Veerkamp, 2001) กล่าวคือ ท าให้แม่โคนมมีอัตราการ
ผสมติดจากการผสมครั้งแรกลดต ่าลง และมีจ านวนครั้งต่อการผสมติดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ช่วงห่างการให้ลูก
ยาวขึ้น (Nebel and McGiliard, 1993; Bagnato and Oltenacu,1994) ทั้งนี้เนื่องจากลักษณะปริมาณน ้านม
และลักษณะความสมบูรณ์พันธุ์มีสหสัมพันธ์ทางพันธุกรรมในทางตรงกันข้าม (Roxstrom et al., 2001; Liu
et al., 2008) การพิจารณารวมเอาลักษณะความสมบูรณ์ไว้ในเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์เพื่อที่จะท าให้การ
ปรับปรุงทางพันธุกรรมโคนมที่เหมาะสมจึงมีความจ าเป็น
3