Page 31 - หนังสือ เรื่อง ภาษากับวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่น
P. 31
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะตักบาตรร่วมกัน ดังกล่าวไว้ในงานแต่งงานพระไวย ดังบท
ประพันธ์ที่ว่า
“เดินออกนอกชานสะท้านใจ พระหมื่นไวยตักข้าวไว้คอยท่า
แล้วส่งคันทารพีให้ศรีมาลา พอสบตาเจ้าก็ม่อยละมุนลง
ศรีมาลาอายใจมิใคร่จะรับ วันทองจับข้อศอกคอยเสือกส่ง
แต่พอกุมเข้าด้วยกันให้มั่นคง ประคองค่อยเทลงในบาตรพลัน”
(ขุนช้างขุนแผน)
พิธีแต่งงานสมัยก่อนเป็นพิธีที่จัดอย่างใหญ่โต เพื่อประกาศบอกญาติพี่น้องให้รู้โดยทั่วกัน มีการ
ยกขันหมาก มีสินสอด ทองหมั้น พิธีรดน้ำเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นผู้ประกอบพิธีซัดน้ำให้แก่คู่บ่าวสาว จากนั้นมี
การกล่อมหอ เฝ้าหอ และการส่งตัวเจ้าสาว ปัจจุบันพิธีการเหล่านี้ถูกลดความสำคัญลง
ประเพณีการทำศพ
วรนันท์ อักษรพงศ์ (๒๕๑๕: ๒๔๒-๒๗๓) กล่าวไว้โดยยึดตามคำอธิบายของพระยาอนุมานราชธน สรุป
ความได้ดังนี้
สาเหตุที่มีประเพณีการทำศพนั้นเพราะว่า เราเชื่อว่าในร่างกายมีสิ่งหนึ่งซึ่งเราเรียกว่า วิญญาณ เมื่อ
ร่างกายสูญสลายหรือดับไปแล้ววิญญาณไม่ได้แตกดับตามร่างกายไปด้วย ตามปรกติวิญญาณจะเป็นสิ่งที่ทำให้
มนุษย์หรือสัตว์เคลื่อนไหวได้ ถ้านอนหลับ วิญญาณจะออกจากร่างไปชั่วคราว ถ้าตายวิญญาณจะออกจากร่างไม่
กลับมาอีก
เรามีความเชื่อกันอย่านี้ก็เพราะว่าเรามีความรักความอาลัยต่อร่างนั้น เวลามีคนตาย ญาติมิตรจึงต้องทำ
ศพให้เป็นพิธีการตามที่กำหนดไว้ในสังคมแต่ละแห่ง ทุกแห่งมีจุดประสงค์คล้ายคลึงกัน คือ เราเชื่อกันว่าวิญญาณที่
ออกจากร่างไปแล้ว อาจจะไปเป็นผีที่ดีคอยช่วยเหลือได้ หรือจะเป็นผีที่ชอบหลอกหลอนทำให้มนุษย์ตกใจกลัวก็ได้
คนที่มีชีวิตอยู่จึงต้องพยายามทำให้ถูกใจผี ด้วยการเซ่นไหว้บูชาต่าง ๆ
พระยาอนุมานราชธน ได้แบ่งจุดประสงค์ของการทำศพออกเป็น ๓ ประการ คือ
๑. เพื่อทำพิธีเซ่นไหว้อุทิศให้แก่ผู้ตาย เพราะเข้าใจว่าผู้ตายมีความเป็น แต่อยู่คนละโลก
๒. ทำพิธีปัดรังควาน ป้องกันผีร้ายมารบกวน
๓. ทำพิธีทางศาสนา ด้วยความอาลัยรักและเคารพผู้ตาย ถ้าต้องการให้ผู้ตายได้รับประโยชน์แห่ง
ความสุขในโลกหน้าให้มากที่สุด ทั้งยังเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที
หน้า | ๒๖