Page 120 - นครรังสิตของเรา
P. 120

1. เศรษฐกิจในนครรังสิต     ต่อมาชาวจีนที่เข้ามาค้าขายในประเทศไทยได้ตั้งรกรากจนกลายเป็นคนไทย
    นครรังสิตในอดีตมีโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นแบบชุมชน มีบ้าน มีชุมชน  เชื้อสายจีนจนกระทั่งผสมกลมกลืนกับคนไทยทั้งทางสายเลือดและวัฒนธรรม ดังนั้น

 มีหมู่บ้าน  เป็นรากฐานของ คนในสังคม มีระบบการผลิตเป็นแบบยังชีพ ท�าเองใช้เอง  จึงพบว่าประชากรที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนมักจะท�าการค้าอยู่ภายในบริเวณตัวเมือง
 มีความเชื่อในธรรมชาติ และบรรพบุรุษ มีการนับถือผี และมีการปกครองตนเอง เป็นต้น   รวมทั้งในเทศบาลนครรังสิตด้วย จึงท�าให้ระบบเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่เป็นตลาด
 ต่อมาชุมชนดังกล่าวมีวิวัฒนาการเข้าสู่ระบบเมืองซึ่งเป็นพื้นที่ของศูนย์กลางทาง  หลายแห่ง  เช่น ในยุคแรกบริเวณตลาดศาลเจ้าคลองหนึ่ง ตลาดล่าง และต่อมาเมื่อ

 การค้าที่ให้บริการและการอ�านวยความสะดวกต่างๆ  แก่ประชาชนทั่วไป ท�าให้เกิด  ตลาดดังกล่าวลดความนิยมลงด้วยการเดินทางสัญจรไปมาไม่สะดวก จึงได้เกิดตลาด
 ระบบเศรษฐกิจขึ้น  จนกระทั่งปัจจุบันมีการค้าขายกับต่างประเทศท�าให้สามารถพัฒนา  ในยุคที่สองขึ้นคือตลาดรังสิต ตลาดพรพัฒน์ และตลาดสุชาติ (กิตติ ขจรพุทธรักษา,

 ขึ้นเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจใหม่จากผลของการปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากการที่มี  2559 : สัมภาษณ์)  ซึ่งในปัจจุบันมีชาวจีนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นโดยประกอบอาชีพ
         ค้าขาย จึงท�าให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจของนครรังสิตเกิดจากการมีร้านค้าและสินค้า
 การผลิตแบบพอยังชีพกลายเป็นเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้     ที่หลากหลายเพิ่มขึ้นจ�านวนมากตามความเจริญของพื้นที่นั้นๆ (ภาพที่ 2-3)
    ในอดีตเศรษฐกิจในนครรังสิต อาจมีผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431

 ซึ่งมีการขุดคลองในที่ลุ่มภาคกลาง เพื่อให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าว ซึ่งราชวงศ์และ
 ขุนนางได้สิทธิในการจับจองที่นาในครั้งนี้ด้วย ก่อให้เกิดระบบเจ้าของที่ดินและผู้เช่านา

 ขึ้น ที่ดินที่เหลือจึงมีการถือครองโดยชาวนาได้อย่างอิสระ และต่อมาพื้นที่เพาะปลูกข้าว
 ได้ขยายไปตามลุ่มน�้าภาคเหนือ และที่ราบฝั่งแม่น�้ามูล-ชีในภาคอีสาน ระบบกรรมสิทธิ์
 เหนือที่ดินโดยกษัตริย์ ได้ปรับเปลี่ยนไปเกิดเป็นระบบกรรมสิทธิ์เอกชนขึ้นแทน

 โดยการริเริ่มของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีที่นา แต่เนื่องจากที่ดินมีอยู่มาก
 และชาวบ้านต้องการสิทธิท�ากินในที่ดินที่อุดมสมบูรณ์มากกว่าการเป็นเจ้าของที่ดิน

 ระบบกรรมสิทธิ์เอกชนเหนือที่ดินจึงมีความเข้มแข็งขึ้น (สารานุกรมไทยส�าหรับเยาวชน
 เล่มที่ 23, 2541 : ออนไลน์)  ต่อมาเมื่อชาวจีนได้อพยพเข้ามาค้าขายในประเทศไทย
 มากขึ้นจึงเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยการปรับเปลี่ยนมาเป็นตัวแทนทางด้าน
 กลุ่มภาพที่ 1 โรงสีข้าวในอดีตและปัจจุบัน
 การค้ากับชาวต่างประเทศ ท�าให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงได้เปิดกิจการโรงสีและโรงเลื่อย  เป็นสิ่งที่แสดงถึงเศรษฐกิจของเทศบาลนครรังสิตในอดีตได้เป็นอย่างดี  ภาพที่ 2 ตลาดรังสิตในอดีต
 ขึ้นด้วยและท�าให้เศรษฐกิจดีขึ้น (กลุ่มภาพที่ 1)  โดยในปัจจุบันกิจการโรงสียังคงเหลือ   เป็นตลาดที่ก่อตั้งขึ้นมาพร้อมแนวคิดของการพัฒนาที่ดินโดยนายทองพูล หวั่งหลี  กลุ่มภาพที่ 3 ตลาดรังสิตในปัจจุบัน

 ร่องรอยของรูปแบบอาคารขนาดใหญ่ให้เห็นอยู่บ้าง เช่น โรงสีไฟที่บริเวณคลองหนึ่ง   เป็นโรงสีแหล่งสุดท้ายของรังสิต ได้ปิดกิจการในปี พ.ศ.2556  ซึ่งได้แบ่งที่ดินให้กับชาวบ้านเพื่อให้ได้อยู่อาศัยด้วยกันจนกลายเป็นชุมชน  เป็นแหล่งชุมชนชาวจีนและแหล่งเศรษฐกิจของนครรังสิต
                               และพัฒนาเป็นตลาดในเวลาต่อมา
 (ใกล้กับตลาดน�้ารังสิต)  ที่มาของภาพ : ตลาดรังสิต, http://www.taladrangsit.com/about_us.php?id=2


 116  นครรังสิตของเรา                                                                                                              นครรังสิตของเรา     117
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125