Page 154 - งานนำเสนอ PowerPoint
P. 154
144
4.2.2 หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หรือหลอดนีออน เริ่มกันใช้ตั้งแต่ ปี ค.ศ. เร็งปัจจุบัน
อายุเฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 2 ปี มีหลายขนาด ประกอบด้วย
1) ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและแก๊สอาร์กอนเล็ก น้อย ผิวด้านใน
ฉาบด้วยสารเรืองแสงชนิดต่าง
2) ไส้หลอด ทําด้วยทั้งสเตนหรือวุลแฟรมอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่าน 24ะทําให้ไส้
หลอดร้อนขึ้น ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทําให้ไอปรอทที่บรรจุไว้ในหลอดกลายเป็นไอมากขึ้น
3) สตาร์ตเตอร์ ทําหน้าที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้าอัตโนมัติของวงจรโดยต่อขนานกับหลอด ภายในบรรจุแก๊ส
นีออนและแผ่นโลหะคู่ที่งอตัวได้ เมื่อได้รับความร้อนจนทําให้ไส้หลอดร้อนขึ้น ปรอทก็จะทําหน้าที่เป็นละทําให้
ไอปรอทหลายทั้งสองข้างเป็นไอพอที่นํากระแสไฟฟ้าได้
4) แบลลัสต์ เป็นขดลวดที่พันอยู่บนแกนเหล็ก ขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะเกิด การเหนี่ยวนํา
แม่เหล็กไฟฟ้าทําให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนําขึ้น เมื่อแผ่นโลหะคู่ในสตาร์ตเตอร์แยกตัว ออกจากกัน จะ
เกิดวงจรเปิดชั่วขณะ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไอปรอทจากไส้หลอดข้างหนึ่งไปยังไส้หลอดอีก ข้างหนึ่งได้ แต่
ประสิทธิภาพการให้แสงสว่างของหลอดชนิดนี้อยู่ในระดับปานกลาง มีการสูญเสียพลังงาน เพราะต้องใช้
สตาร์ตเตอร์และแบลลัสต์ ซึ่งใช้ไฟฟ้าสูงถึง 10-12 W
ต่อมามีการพัฒนาหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบใหม่อีก 2 แบบ คือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ประสิทธิภาพ
สูงหรือหลอดผอม ซึ่งประหยัดพลังงานได้มากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ธรรมดาและหลอด คอมแพคฟลูออเรส
เซนต์หรือหลอดตะเกียบเป็นชนิดที่ให้สีของแสงออกมาเทียบเท่า 85% ของหลอดไส้ใช้ สําหรับแทนหลอดไส้
นอกจากจะประหยัดไฟฟ้าแล้ว ยังมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ถึง 8 เท่า หลอด ประเภทนี้ยังถูกแบ่ง
ออกเป็นหลายๆ ชนิดตามลักษณะการใช้งาน มีทั้งแบบขั้วเกลียวและขั้วเสียบ มีแบลลัสต์ ภายนอกหรือในตัว
เป็นต้น
ก. หลอดฟลูออเรสเซนต์ ข. หลอดผอม ค. หลอดตะเกียบ
รูปที่ 7.12 หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบต่างๆ
(ที่มา : http://www.homedecorthai.com)
4.2.3 หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดโซเดียม หลอดแสงจันทร์ เริ่มมีการใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 จน เนการ
ส่องสว่างตามท้องถนนและโรงงานอุตสาหกรรม หลอดไฟประเภทนี้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง อุณหภูมิของหลอดร้อน
มาก 100-400 องศาเซลเซียส อายุการใช้งานเฉลี่ย 2-3 ปี