Page 12 - ประวัติพระบรมมหาราชวัง
P. 12
ทําด้วยทองคําประดับเนาวรัตน์ โดยเครื่องทรงทั้ง 3 ฤดู องค์เก่า โปรดเกล้าฯ ให้นําไป
ประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระราชประเพณีการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต กระทําปีละ 3 หน คือ
1. วันแรม 1 คํ่า เดือน 4 เพื่อทรงเครื่องสําหรับฤดูร้อน
2. วันแรม 1 คํ่า เดือน 8 เพื่อทรงเครื่องสําหรับฤดูฝน
3. วันแรม 1 คํ่า เดือน 12 เพื่อทรงเครื่องสําหรับฤดูหนาว
ด้านหน้าฐานชุกชีจะประดิษฐานพระพุทธรูปยืนทรงเครื่อง ปางห้ามสมุทร 2 องค์
สูง 3 เมตร สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ด้านทิศเหนืออุทิศถวาย
เป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระอัยกา พระราชทานนามพระพุทธรูปว่า “พระพุทธยอดฟ้ า
จุฬาโลก” สําหรับองค์ทางด้านทิศใต้ทรงอุทิศถวายสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระราชทาน
นามพระพุทธรูป “พระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย” และโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนขานพระนาม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1 และ รัชกาลที่ 2 ตามพระนามพระพุทธรูปทั้ง 2
องค์นี้
บริเวณฐานชุกชียังประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางห้ามสมุทร อีก 10
องค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่ออุทิศถวายเป็นพระ
ราชกุศลแด่เจ้านายฝ่ายหน้าและฝ่ายใน
ด้านหน้าฐานชุกชีมีพระพุทธรูปสําคัญอีกองค์หนึ่ง คือ พระสัมพุทธพรรณี ห่ม
จีวรเฉียงมีริ้ว ประทับนั่งปางสมาธิ สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อครั้งยังทรงผนวชและจําพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส พระพุทธรูปองค์นี้มีพุทธลักษณะที่
แตกต่างจากพระพุทธรูปองค์อื่นๆ คือ ไม่มีพระเกตุมาลา พระรัศมีเป็นเปลวไฟ มี 3 องค์
คือ สีทองสําหรับฤดูร้อน สีนํ้าเงินสําหรับฤดูฝน และสีหยาดนํ้าค้าง (แก้วใส) สําหรับฤดู
หนาว โดยจะเปลี่ยนคราวเดียวกับพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิ
มากร