Page 31 - Printing System E-Book
P. 31
1 Offset Printing
แม่พิมพ์เนกาทีฟ VS พอสิทีฟ
ข้อแตกต่างของแม่พิมพ์ทั้งสองชนิดอยู่ที่สารเคลือบไวแสงที่มีสมบัติไม่เหมือนกัน กล่าวคือ สารเคลือบ
ไวแสงเนกาทีฟ เมื่อได้รับพลังงานแสงแล้ว จะเปลี่ยนโครงสร้างให้แข็งตัวไม่สามารถละลายได้ด้วยน�้ายาสร้าง
ภาพ ในขณะที่สารเคลือบไวแสงพอสิทีฟจะให้ผลตรงกันข้าม เพื่อให้สอดคล้องกับฟิล์มต้นฉบับเนกาทีฟและ
พอสิทีฟที่ใช้ตามล�าดับซึ่งผลของภาพที่ปรากฏบนแม่พิมพ์ทั้งสองหลังจากผ่านขั้นตอนสร้างภาพแล้วจะได้
เหมือนกันคือ ภาพดูเหมือนจริงอ่านออก (ภาพ ที่ 8)
การใช้แม่พิมพ์เนกาทีฟมีข้อพึงระวังเป็นพิเศษคือ ต้องพยายามไม่ให้ฝุ่นเกาะที่ฟิล์มต้นฉบับเนกาทีฟ
(ส่วนใส) หรือที่แม่พิมพ์เป็นอันขาด เพราะจะมีส่วนท�าให้บริเวณภาพเกิดรอยจุดขาวได้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส�าหรับแม่พิมพ์พอสิทีฟนั้นมีความได้เปรียบกว่าตรงที่บริเวณภาพ (ส่วนทึบของฟิล์ม) จะไม่เห็นรอยจุดขาว
จากฝุ่นเหล่านี้ หรือถ้ามีฝุ่นเกาะที่บริเวณไม่ใช่ภาพ (ส่วนใสของฟิล์ม) ก็สามารถลบรอยเหล่านี้ได้จากการฉาย
แสงผ่านแผ่นกระเจิงแสง (diffuser) โดยขั้นตอนนี้จะกระท�าฉายแสงครั้งที่ 2 หลังจากทีท�าการฉายแสงหลัก
แล้ว
การเปลี่ยนแปลงเวลาฉายแสง โดยเฉพาะการฉายแสงนาน ๆ ในกรณีแม่พิมพ์เนกาทีฟ จะท�าให้ขนาด
ภาพและขนาดเม็ดสกรีนขยายใหญ่ได้ (เม็ดสกรีนบวม) จะตรงกันข้ามกับแม่พิมพ์พอสิทีฟที่การฉายแสงนาน
ๆ มีแนวโน้มท�าให้เกิดเม็ดสกรีนกร่อน (dot loss) หรือขนาดภาพเล็กลง
น่าสนใจส�าหรับแม่พิมพ์เนกาทีฟ พบว่า การเปลี่ยนแปลงเวลาฉายแสงจะมีผลต่อความแข็ง (hardness)
ของสารเคลือบส่วนที่เป็นภาพได้ ยิ่งฉายแสงนานก็จะยิ่งท�าให้สารเคลือบมีความแข็งมากขึ้น ซึ่งช่างพิมพ์จะ
ต้องพิจารณาให้ดี ไม่ให้เวลาฉายแสงน้อยเกินไป และในทางปฏิบัติยังพบอีกว่า แม่พิมพ์ต่างชนิดกันหรือแม้
กระทั่ง “ล็อต” (lot) ต่างกันก็ตาม ต้องการเวลาฉายแสงจะไม่มีผลต่อความแข็งของสารเคลือบเลย และการ
เปลี่ยนชุดแม่พิมพ์ใหม่ เวลาฉายแสงก็จะไม่ต่างกันเท่าใดมากนัก ด้วย เหตุผลดังกล่าวการท�ามาตรฐานการท�า
แม่พิมพ์จึงนิยมใช้แม่พิมพ์พอสิทีฟเป็นส่วนใหญ่