Page 10 - Chapter 5
P. 10

7




                   จากข้อมูลปฏิกิริยา พบว่า

                             1. ปริมาตรของแก๊สที่ท าปฏิกิริยาพอดีกันและที่ได้จากปฏิกิริยา  เปรียบเทียบกันได้เป็นเลขลง
                   ตัวน้อยๆ ตามกฎของเกย์-ลูสแซก

                             2. ในแต่ละปฏิกิริยา แก๊สจะท าปฏิกิริยากันด้วยอัตราส่วนโดยปริมาตรคงที่ เช่น ปริมาตรของ

                   H2 : Cl2 : HCl = 1 : 1 : 2  เสมอ ถ้าใช้ H2  10 ลิตร จะต้องใช้ Cl2  10 ลิตร และจะได้ HCl  20 ลิตร
                             3. ปริมาตรรวมของแก๊ส  ก่อนท าปฏิกิริยา  และปริมาตรรวมของแก๊สที่ได้  จากปฏิกิริยาจะ

                   เท่ากัน หรือไม่เท่ากันก็ได้

                                เช่น

                                      H 2(g)  10 ลิตร  +  Cl 2(g)  10 ลิตร     HCl(g)  20  ลิตร
                                      ปริมาตรรวมก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยาเป็น  20 ลิตร เท่ากัน

                                แต่     2H 2 (g) 20 ลิตร  +  O 2(g) 10 ลิตร    2H 2O(g)  20  ลิตร

                                      ปริมาตรรวมก่อนและหลังเกิดปฏิกิริยาไม่เท่ากัน



                                             กฎอาโวกาโดร (Avogadro’s  law)


                             ในปี ค.ศ. 1811 (พ.ศ.2354) อาเมเดโอ อาโวกาโดร (Amaedeo Avogadro)  นักฟิสิกส์ชาว

                   อิตาลีได้ศึกษากฎของเกย์-ลูสแซกและอธิบายว่าการที่อัตราส่วนโดยปริมาตรของแก๊สที่เข้าท าปฎิกิริยา
                   และที่ได้จากปฏิกิริยาเป็นเลขจ านวนเต็มน้อยๆ คงเป็นเพราะปริมาตรของแก๊สมีความสัมพันธ์กับจ านวน

                   อนุภาคที่รวมตัวกันเป็นสารประกอบ อาโวกาโดร  จึงเสนอสมมติฐานว่า “ที่อุณหภูมิและความดัน

                   เดียวกัน แก๊สทุกชนิดที่มีปริมาตรเท่ากันจะมีจ านวนอนุภาคเท่ากัน” ถ้าอนุภาคที่เล็กสุดของแก๊สเป็น
                   อะตอม  แสดงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างแก๊สไฮโดรเจนและแก๊สคลอรีน ได้ไฮโดรเจนคลอไรด์ ดังนี้











                             H 1 อะตอม         Cl  1 อะตอม                       HCl  2  โมเลกุล
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15