Page 16 - อบต_Neat
P. 16

3. ต้องใช้ถ้อยค ำที่สุภำพน่ำฟังไม่ดูถูกดูหมิ่นผู้ฟัง

                   4. ต้องรักษำแนวของเรื่องให้อยู่ในจุดที่ต้องกำรไม่ใช้ภำษำที่วกวนสับสนและพูด ออกนอกเรื่องตลอดจนกำรใช้

               ถ้อยค ำพูดตลกเล่นกับผู้ฟังมำกเกินไป

               กำรพูดและประกำศทำงวิทยุ


                  บุญเกื้อ   ควรหำเวช (2545, หน้ำ 89)  กล่ำวถึง  กำรพูดและประกำศทำงวิทยุ  ไว้ดังนี้

                   กำรพูดทำงวิทยุนั้น เสมือนกับว่ำก ำลังนั่งพูดกับไมโครโฟน แต่เสียงที่ออกไปสู่ผู้ฟังจ ำนวน นับล้ำน ดังนั้น จึง

               ต้องระมัดระวังตัวในกำรพูดให้มำกเป็นพิเศษ จงให้ควำมรู้ ควำมบันเทิง ตำมหน้ำที่อย่ำงเต็มควำมสำมำรถ โดยไม่
               ประมำทและปรำศจำกควำมรับผิดชอบ นักพูดทำงวิทยุนอกจำกจะต้องปฏิบัติ ให้ถูกต้องตำมหลักกำร ใช้

               ไมโครโฟนแล้ว ยังคงจะต้องศึกษำกำรพูดต่อสำธำรณชนด้วย เสียงที่เปล่งออกมำจะต้องเป็นเสียง ที่แสดงถึงควำม
               มั่นใจ มั่นคง ปรำศจำกลักษณะลังเลไม่แน่ใจ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่ำ หำกผู้ฟังจับได้ว่ำแม้แต่ผู้พูดเอง ก็ยังไม่แน่ใจ ยัง
               ขำดควำมเชื่อมั่นและมีควำมลังเลในสิ่งที่พูดออกมำเองแล้ว ผู้ฟังย่อมขำดควำมเลื่อมใสศรัทธำที่จะฟังทันที


                    นอกจำกนี้ จะต้องค ำนึงถึงลักษณะของรำยกำรเป็นส ำคัญด้วย เพรำะรำยกำรแต่ละประเภท ย่อมมีควำม
               ต้องกำรในด้ำนน้ ำเสียงและลีลำของผู้พูดแตกต่ำงกัน เพรำะควำมเหมำะสมและสร้ำงควำมศรัทธำ น่ำสนใจจำก

               ผู้ฟัง นักพูดวิทยุจะต้องพิจำรณำประเภทของรำยกำร ดังต่อไปนี้

                   1. กำรท ำหน้ำที่ผู้ประกำศ พิธีกร ผู้จัดรำยกำร ต้องใช้น้ ำเสียงที่แสดงควำมเป็นกันเอง กับผู้ฟังพอสมควร กำร
               ยิ้มในขณะที่พูด จะเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ฟังเกิดควำมสนใจ และแสดงถึงควำมเป็นกันเองกับผู้ฟัง น้ ำเสียงจะมีเสน่ห์ชวน

               ให้ติดตำมรับฟัง

                   2. กำรท ำหน้ำที่อ่ำนข่ำว อ่ำนแถลงกำรณ์ หรือประกำศของทำงรำชกำร น้ ำเสียงจะต้องมีควำมจริงจังน่ำเชื่อถือ

               ดังนั้น นักพูดจะต้องใช้น้ ำเสียงที่แสดงถึงควำมเข้มแข็ง เด็ดขำด ท่ำทำงจริงจัง

                   3. กำรแสดงทำงวิทยุ น้ ำเสียงหรืออำรมณ์ของผู้พูด ย่อมขึ้นอยู่กับบทที่เขียนไว้ ดังนั้น กำรใช้น้ ำเสียงจึงต้อง

               ค ำนึงถึงควำมเหมำะสมของบทบำทที่ต้องแสดงเป็นส ำคัญ
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20