Page 33 - Demo
P. 33
วิทยํา ด่ํานธํารงกูล (2546) ได้กล่ําวถึงประสิทธิภําพ หมํายถึง ควํามสํามํารถในกํารใช้ ทรัพยํากรที่มีอยู่อย่ํางคุ้มค่ําเพื่อกํารบรรลุเป้ําหมําย ประสิทธิภําพจึงมักถูกวัดในรูปแบบของต้นทุน หรือจํานวนทรัพยํากรที่ใช้ไปเมื่อเทียบกับผลงํานหรือผลผลิตท่ีได้ เช่น ต้นทุน แรงงําน เวลําท่ีใช้อัตรํา ผลตอบแทนจํากกํารลงทุน
รพี แก้วเจริญ และฑิตยํา สุวรรณชฎ (2510) ได้ให้ควํามหมํายคําว่ํา ประสิทธิภําพ หมํายถึง ควํามคล่องแคล่วในกํารปฏิบัติงํานให้แล้วเสร็จ ซึ่งไม่ได้กล่ําวถึงปัจจัยนําเข้ําหรือควํามพึงพอใจ และณัฐกูล จอมบดินทร์ (2544) ประสิทธิภําพในกํารปฏิบัติงํานในควํามหมํายเชิงสังคมศําสตร์น้ัน หมํายถึง ปัจจัยนําเข้ําท่ีพิจํารณําถึงควํามพยํายําม ควํามพร้อม ควํามสํามํารถ ควํามคล่องแคล่วในกําร ปฏิบัติงํานของผู้ปฏิบัติ โดยเปรียบเทียบกับผลท่ีได้รับ คือ ควํามพึงพอใจ ของผู้บริหําร หรือกํารบรรลุ วัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้
กระทรวงแรงงํานและสวัสดิกํารสังคม ระบุว่ําประสิทธิภําพในกํารผลิตหรือผลิตภําพ แรงงําน หมํายถึง กํารเปรียบเทียบระหว่ํางจํานวนสินค้ําหรือบริกํารท่ีผลิตได้ (Output)กับจํานวนของ ทรัพยํากรหรือปัจจัยท่ีใช้ในกํารผลิตสินค้ํา หรือบริกํารน้ันออก (Input) ควํามสัมพันธ์ดังกล่ําวนี้จะ สะท้อนให้เห็นถึงกํารเพ่ิมข้ึนหรือลดลงของประสิทธิภําพในกํารผลิตปัจจัยที่มีผลต่อกํารเพิ่มหรือลดลง ของประสิทธิภําพ กํารผลิต อําจแบ่งได้ 3 หมวด คือ 1) ปัจจัยทํางด้ํานเทคโนโลยี 2) ปัจจัยด้ํานระบบ กํารบริกําร และ3) ปัจจัยด้ํานแรงงําน
กันตยํา เพ่ิมผล (2541) กล่ําวว่ํา เป็นกํารปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ควํามสํามํารถและทักษะ ในกํารทํางํานของตนเองหรือผู้อื่นให้ดีขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้ําหมํายขององค์กําร อันจะทําให้ตนเอง ผู้อ่ืน และองค์กํารเกิดควํามสุขในที่สุด ซ่ึงกํารพัฒนําประสิทธิภําพกํารทํางํานมีควํามสําคัญอย่ํางยิ่งต่อกําร พัฒนําองค์กํารหรือกํารพัฒนําสังคม นอกจํากนั้นกํารพัฒนําตนเองกับกํารพัฒนําประสิทธิภําพกําร ทํางํานยิ่งมีควํามสัมพันธ์กันอย่ํางใกล้ชิดอีกด้วย กล่ําวคือประกํารแรกก่อนท่ีคนจะเข้ําสู่กํารทํางํานใน องค์กํารหนึ่งๆ น้ัน บุคคลนั้นต้องมีควํามรู้ควํามสํามํารถมีคุณสมบัติตรงตํามที่องค์กํารน้ันต้องกําร ซ่ึง บุคคลจะมีคุณสมบัติตํามท่ีองค์กํารกําหนดนั้นจะต้องมีกํารพัฒนําตนเอง หรือได้รับกํารพัฒนําจําก สถําบันต่ํางๆ จนมีควํามสํามํารถเพียงพอที่จะเข้ําสู่งําน และทํางํานได้อย่ํางมีประสิทธิภําพ ประกํารท่ี สองเมื่อบุคคลเข้ําสู่งํานแล้ว ก็เป็นหน้ําท่ีขององค์กํารท่ีจะต้องพัฒนําบุคคลให้มีประสิทธิภําพ (ควํามสํามํารถ) ในกํารทํางํานให้ดีท่ีสุด เพื่อประสิทธิผลขององค์กํารจึงกล่ําวได้ว่ํา กํารพัฒนําตนเอง เพื่อพัฒนําประสิทธิภําพกํารทํางํานจะก่อให้เกิดประสิทธิผลขององค์กํารในท่ีสุดนั้นเอง
4. แนวคิดและทฤษฎีเครือขํา่ ยทํางสังคม (Social network theory)
เครือข่ํายทํางสังคม หมํายถึง ควํามสัมพันธ์ทํางสังคมของบุคคลโดยมีกํารติดต่อสื่อสํารและ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน (Boissevain J.,1974)
เครือข่ํายทํางสังคม หมํายถึง สัมพันธภําพทํางสังคมและควํามเชื่อมโยงระหว่ํางปัจเจก บุคคลซ่ึงอําจก่อให้เกิดกํารเข้ําถึงหรือกํารระดมกํารสนับสนุนทํางสังคมเพ่ือสุขภําพ (WHO, 1984)
เครือข่ําย (Network) หมํายถึง กลุ่มบุคคลหรือกลุ่มองค์กรที่สมัครใจส่ือสํารสัมพันธ์กันหรือ ดําเนินกิจกรรมบํางอย่ํางร่วมกันโดยไม่ทําให้แต่ละคนหรือแต่ละองค์กรสูญเสียควํามเป็นอิสระ (เสรี พงศ์พิศ ,2546)
17