Page 70 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 70

62





                                                                                         ี
                                                                    ู
                                                                     ู
                กำรแต่งต้งคณะกรรมกำรสอบสวน วธีกำรสอบสวน และสิทธิของผ้ถกกล่ำวหำและบุคคลท่เก่ยวข้อง
                                                                                       ี
                                             ิ
                        ั
           ให้เป็นไปตำมระเบียบที่ ก.ศป. ก�ำหนดโดยควำมเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลำกำรในศำลปกครองสูงสุด
                                                                              ั
                มำตรำ ๒๔ ในกำรพิจำรณำให้ตุลำกำรศำลปกครองพ้นจำกต�ำแหน่งโดยถูกส่งให้ออกจำกรำชกำร
           ตำมมำตรำ ๒๒ วรรคสอง (๑) หรือ (๒) หรือตำมมำตรำ ๒๒ วรรคสำม ประกอบกับมำตรำ ๒๑ วรรคหนึ่ง
                                                                          ั
           (๔) หรือ (๗) หรือโดยถูกไล่ออกตำมมำตรำ ๒๓ (๑) หรือ (๒) ให้ ก.ศป. แต่งต้งคณะกรรมกำรสอบสวน
           ประกอบด้วย ตุลำกำรในศำลปกครองสูงสุดหรือตุลำกำรในศำลปกครองชั้นต้นจ�ำนวนสี่คน และเลขำธิกำร
           คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนหรือรองเลขำธิกำรคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนท่เลขำธิกำร
                                                                                     ี
           คณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือนมอบหมำยจ�ำนวนหนึ่งคนเป็นกรรมกำรเพื่อท�ำกำรสอบสวน ๒๘
                ในกำรสอบสวนให้คณะกรรมกำรสอบสวนมีอ�ำนำจเรียกให้หน่วยงำนทำงปกครองหรือบุคคลใด
           ให้ข้อเท็จจริง ให้ถ้อยค�ำ หรือให้ส่งเอกสำรหลักฐำนที่เกี่ยวกับเรื่องที่สอบสวนได้
                ในระหว่ำงกำรสอบสวนหรือพิจำรณำตำมวรรคหน่ง ถ้ำ ก.ศป. เห็นว่ำกำรให้ผู้ถูกสอบสวนหรือพิจำรณำ
                                                       ึ
                     ี
           ปฏิบัติหน้ำท่ต่อไปจะเป็นกำรเสียหำยแก่รำชกำรจะมีมติให้พักรำชกำรก็ได้
                                                                    ื
                กำรให้พักรำชกำรน้น ให้พักตลอดเวลำท่สอบสวนหรือพิจำรณำ เม่อสอบสวนหรือพิจำรณำเสร็จแล้ว
                                                ี
                               ั
           ถ้ำปรำกฏว่ำผู้ถูกให้พักรำชกำรมิได้กระท�ำกำรตำมท่ถูกสอบสวนหรือพิจำรณำก็ให้ผู้น้นคงอยู่ในรำชกำรตำมเดิม
                                                                          ั
                                                 ี
                                                                                        ี
                                                             ี
                                                               ี
                วิธีกำรสอบสวนและสิทธิของผู้ถูกกล่ำวหำและบุคคลท่เก่ยวข้องให้เป็นไปตำมระเบียบท่ ก.ศป.
           ก�ำหนดโดยควำมเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลำกำรในศำลปกครองสูงสุด
                            ๒9
                มำตรำ ๒๔/1  ข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลปกครองซ่งมำจำกข้ำรำชกำรฝ่ำยศำลปกครอง ข้ำรำชกำร
                                                         ึ
                                             ี
                               ื
           พลเรือน ข้ำรำชกำรฝ่ำยอ่น หรือเจ้ำหน้ำท่ของหน่วยงำนอ่นของรัฐผู้ใดมีกรณีกระท�ำผิดวินัยอยู่ก่อนวันท  ี ่
                                                         ื
           ได้รับแต่งตั้งเป็นข้ำรำชกำรตุลำกำรศำลปกครอง ให้ ก.ศป. เป็นผู้พิจำรณำด�ำเนินกำรทำงวินัยแก่ผู้นั้นตำม
                                                                       ื
           บทบัญญัติเก่ยวกับวินัยแห่งกำรเป็นตุลำกำรศำลปกครองโดยอนุโลม แต่ถ้ำเร่องอยู่ระหว่ำงกำรสืบสวนหรือ
                     ี
           สอบสวนทำงวินัยก่อนวันท่ได้รับแต่งต้งก็ให้สืบสวนหรือสอบสวนต่อไปตำมกฎหมำยท่ใช้บังคับอยู่ในขณะท  ี ่
                                ี
                                         ั
                                                                              ี
                                          ื
           กระท�ำควำมผิดจนแล้วเสร็จ แล้วส่งเร่อง ให้ ก.ศป. พิจำรณำด�ำเนินกำรทำงวินัยต่อไปตำมบทบัญญัต  ิ
                                                                 ี
            ี
           เก่ยวกับวินัยแห่งกำรเป็นตุลำกำรศำลปกครองโดยอนุโลม และในกรณีท่จะต้องส่งลงโทษทำงวินัย ให้พจำรณำ
                                                                        ั
                                                                                        ิ
                                           ี
           ตำมควำมผิดและลงโทษตำมบทบัญญัติเก่ยวกับวินัยของข้ำรำชกำรฝ่ำยศำลปกครองกฎหมำยว่ำด้วยระเบียบ
                                                                          ี
           ข้ำรำชกำรพลเรือนกฎหมำยว่ำด้วยระเบียบข้ำรำชกำรฝ่ำยอ่น หรือกฎหมำยเก่ยวกับวินัยของเจ้ำหน้ำท  ่ ี
                                                           ื
           ของหน่วยงำนอื่นของรัฐที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่กระท�ำควำมผิดนั้น แล้วแต่กรณี โดยอนุโลม
                          ๓0
                มำตรำ ๒๕  ตุลำกำรศำลปกครองผู้ใดพ้นจำกต�ำแหน่งไปโดยมิได้มีควำมผิดและมิใช่เป็นกำร
           พ้นจำกต�ำแหน่งตำมมำตรำ ๒๑ วรรคหนึ่ง (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) หรือ (9) ก.ศป. อำจพิจำรณำคัดเลือกผู้นั้น
                ๒๘  มำตรำ ๒๔ วรรคหน่ง แก้ไขเพ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง
                                          ิ
                                                                ั
                                   ึ
           (ฉบับที่ ๑0) พ.ศ. ๒๕๖๑
                ๒9  มำตรำ ๒๔/๑ เพ่มโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง (ฉบับท่ 9) พ.ศ. ๒๕๖0
                                                                                   ี
                               ิ
                                                 ั
                ๓0  มำตรำ ๒๕ แก้ไขเพ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลปกครองและวิธีพิจำรณำคดีปกครอง (ฉบับท่ ๑0)
                                                                                          ี
                                  ิ
                                                       ั
           พ.ศ. ๒๕๖๑
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75