Page 25 - The Court of Appeal for Specialized Cases_german
P. 25

3





                                        คำนำ




                   สืบเนื่องจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
            กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่
            วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ กำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาว่าคดีที่ได้

            ยื่นฎีกาเรื่องใดสมควรอนุญาตให้ขึ้นสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกา อันเป็นการเริ่มต้น
            การเปลี่ยนแปลงระบบการฎีกาจากระบบสิทธิมาเป็นระบบอนุญาตในประมวล
            กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งของประเทศไทย และหากศาลฎีกาไม่อนุญาต

            ให้ฎีกาแล้ว คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้
            การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

            ให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริงและรวดเร็วขึ้น

                   ดังนี้ เมื่อระบบการยื่นอุทธรณ์ฎีกาในคดีแพ่งทั่วไปได้เปลี่ยนแปลงแล้ว
            จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงระบบการยื่นอุทธรณ์ฎีกาของศาลชำนัญพิเศษ

            ทั้งหลายให้เหมือนกับคดีทั่วไปด้วย เพื่อจัดวางระบบการอุทธรณ์ฎีกา
            ให้สอดคล้องกันทั้งประเทศ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์
            คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีชำนัญพิเศษ

            เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เป็นเอกภาพ ด้วยผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญ
            และสอดคล้องกับระบบการอุทธรณ์ฎีกาคดีแพ่งที่มีการแก้ไขกฎหมายแล้ว

                   คณะผู้จัดทำจึงได้จัดทำหนังสือ “ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ” ขึ้น
            เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นแก่ผู้สนใจในการติดต่อราชการศาล และหวังเป็นอย่างยิ่ง

            ว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านตามสมควร



                                                              สิงหาคม ๒๕๖๔
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30