Page 37 - หนังสือแรงบันดาลใจ
P. 37

่
 จากแพทย์เกียรตินิยมอันดับหนึง...........สู่เส้นทางผู้พิพากษา

























                                                                 ี
               ์ ่ ้
                                                                            ์
                                  ้
                                                                   ้
                            ้
        จากแพทยสูผูพิพากษา ความทาทายที่ตองเผชิญ   ขอทราบรายละเอียดบทความท่ไดรับการตีพิมพใน
                                            วารสาร Asia Pacific Journal of Health Law & Ethics
            ี
        การท่ได ้ มีโอกาสเรียนแพทย ์ มาก ่ อนเปนส ่ วนสาคัญ
                                    ำ
                                ็
                                                             ่
        ที่ทำาให ้ เรามีวิธีการคิดวิเคราะห ์ เชิงสังเคราะห ์  หรือ  สำาหรับบทความของผมคือเรือง “Informed Consent in
        การคิดอย ่ างมีระบบ  สองอาชีพนี้ส ่ งเสริมให ้ คิดเปน  Thailand : What Standard Is It? Which One Should It Be?”
                                      ็
        มองปญหาให ้ รอบด ้ านดูบริบทหลายๆ  อย ่ าง  การที่
           ั
                        ั
                             ิ
                                                         ี
                                                      ื่
        คนไข ้ มาหาในฐานะแพทย ์ น้นต ้ องคิดวเคราะห ์ ว ่ าจะรักษา     เปนเรองเก่ยวกับความยินยอมท่ได ้ รับการบอกกล ่ าว
                                                                    ี
                                                    ็
                                                   ่
        คนไข ้ คนนี้อย ่ างไร  หากแพทย ์ คือผู ้ ที่รักษาชีวิตคน   ผมมองว ่ าเรืองนี้แม ้ ยังไม ่ มีคดีความเกิดขึ้นในศาลฎีกา  และ
        ผู ้ พิพากษาก็ถือว ่ ารักษาชีวิตคนและทรัพย ์ สินเหมือนกัน  ยังไม ่ มีการวางหลักเรืองนี้ไว ้ โดยตรง แต ่ ในอนาคตอาจจะ
                                                        ่
                             ่
                                               ั
                          ็
                                    ำ
                             ื
                               ี
        เพราะว ่ าการจะตัดสินชีวิตคนเปนเรองท่มีความสาคัญ  เกิดปญหาจากการที่แพทย ์ ต ้ องให ้ ข ้ อมูลแก ่ คนไข ้ ในการ
        เปนอย ่ างยิ่ง  หมอเมือคนไข ้ เข ้ ามารับการรักษาต ้ องมี  รักษาต ้ องแจ ้ งผลกระทบให ้ คนไข ้ ได ้ ทราบ การยินยอมที่ได ้
          ็
                     ่
                                                       ็
        การรวบรวมข ้ อมูลโดยการซักประวัติและตรวจร ่ างกาย   รับการบอกกล ่ าวเปนหลักสากล คือก ่ อนที่แพทย ์ จะทำาการ
        ต ้ องคิดต ่ อแล ้ วว ่ าต ้ องส ่ งตรวจ เอกซเรย ์  ส ่ งเจาะเลือด   รักษาคนไข ้ ต ้ องแจ ้ งให ้ คนไข ้ ทราบ และแจ ้ งอย ่ างเดียวยัง
                          ็
                                                                       ่
        เพือหาข ้ อมูลเพิ่มเติมว ่ าเขาเปนโรคอะไร  ต ้ องคิดว ่ า  ไม ่ เพียงพอต ้ องบอกข ้ อดี ข ้ อเสีย หรือทางเลือกอืนๆ ในการ
          ่
        ทำาไมเราถึงต ้ องตัดสินใจส ่ งตรวจอันนั้นอันนี้ ส ่ งไปแล ้ ว  รักษา  หรือผลของการปฏิเสธการรักษาเพือเปนการปกป ้ อง
                                                                      ็
                                                                    ่
        ได ้ ประโยชน ์ อะไร หลังจากนั้นต ้ องวางแผนการรักษา  คนไข ้ ว ่ าจะเข ้ ารับการรักษาหรือไม ่   หรือจะรักษาโดยวิธีอืน
                                                                             ่
               ็
        การคิดต ้ องเปนระบบ คิดไปข ้ างหน ้ าแล ้ ว ก็ต ้ องคิดวิเคราะห ์  ในอดีตที่ผ ่ านมาเวลาที่แพทย ์ รักษาคนไข ้ ก็สามารถที่จะ
        เปน ส ่ วนผู ้ พิพากษาเวลาจะตัดสินคดีต ้ องรวบรวมข ้ อมูล  ทำาได ้ เลยโดยไม ่ ต ้ องแจ ้ งให ้ ทราบ หรืออาจไม ่ ต ้ องแจ ้ งถึง
         ็
        ไต ่ สวนสืบพยาน แล ้ วก็นำาข ้ อมูลทั้งหมดมาวินิจฉัยข ้ อเท็จจริง  ผลกระทบที่จะตามมาหรือมี ข ้ อดี ข ้ อเสียอย ่ างไรหลังจาก
                                                                       ็
                                                       ั
        ต ้ องมีการชั่งน้ำาหนักพยานหลักฐาน และตัดสินตาม  ที่ทำาการรักษา ในปจจุบันสังคมเริ่มพัฒนาขึ้นเปนหลักสากล
        ข ้ อกฎหมายว ่ าควรจะลงโทษจาเลยคนน้หรือไม ่ จะลงโทษ  ว ่ าคนไข ้ ควรมีสิทธิในการรับร ้ ูการรักษาของแพทย ์ และสามารถ
                              ี
                         ำ
                                                                     ็
        จำาคุกหรือว ่ าปล ่ อยตัวไปรอการลงโทษ  ล ้ วนต ้ องวิเคราะห ์  ทราบถึงผลกระทบหลังจากทำาการรักษา เปนหลักที่ให ้ สิทธิ
        ให ้ รอบด ้ านเพือให ้ เกิดความเปนธรรมในสังคม  คนไข ้ ในการที่จะเลือกการรักษาเกี่ยวกับตัวเขาเอง ไม ่ ใช ่ เป็น
                ่
                          ็
                                                                        ็
                                             ่
                                            เรืองที่หมอจะทำาอะไรก็ได ้ อีกต ่ อไป นอกจากนี้ยังเปนกฎหมาย
                                            ที่จะช ่ วยปกป ้ องคนไข ้ และคุ ้ มครองแพทย ์  หากได ้ แจ ้ งข ้ อมูลให ้
                                            กับคนไข ้ อย ่ างชัดเจนแล ้ ว
                                          34
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42