Page 62 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 62

ดุลพาห




                        พิจารณาจากหลักกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วจะเห็นว่า กิจการใดที่เกิดขึ้นใน
               ประเทศใดย่อมต้องตกอยู่ภายใต้บังคับและเขตอำานาจศาลของประเทศนั้น ดังนั้น หากการ

               ดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการทำาในประเทศไทยก็ควรต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย
               และเขตอำานาจของศาลไทย แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้มองว่านักธุรกิจต้องการความเชื่อมั่นว่าหาก

               คู่พิพาททั้งสองฝ่ายได้เข้าทำาสัญญาอนุญาโตตุลาการด้วยความสมัครใจ และการดำาเนินการ
               ตามอนุญาโตตุลาการที่เกิดขึ้นนั้น มีความเป็นธรรมและสอดคล้องกับข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย

               แล้ว คำาวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการก็ควรได้รับการยอมรับและบังคับได้
               โดยศาล คำาถามที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติคือ การดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการในประเทศใด

               จะไม่เป็นไปตามกฎหมายอนุญาโตตุลาการของประเทศนั้น แต่เป็นไปตามกฎหมายของ
               ประเทศอื่นได้หรือไม่ หรือคู่พิพาทสามารถตกลงกันในการกำาหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วยตนเอง
               โดยไม่ต้องให้การดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายของประเทศ

               ใดเลยได้หรือไม่ เราจะวิเคราะห์เรื่องนี้โดยมุมมองสามทฤษฎี คือ


                        ๑. ทฤษฎีว่�ด้วยเขตอำ�น�จ (The Jurisdictional Theory)


                        พื้นฐานของทฤษฎีนี้ ถือว่ารัฐเท่านั้นมีอำานาจวินิจฉัยคดีข้อพิพาททั้งปวง ดังนั้น
               ถ้ารัฐตรากฎหมายอนุญาตให้เอกชนตกลงกันเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการได้

               คณะอนุญาโตตุลาการจะเป็นผู้ใช้อำานาจแทนรัฐ รัฐเท่านั้นจึงมีอำานาจควบคุมดูแลการ
               ดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการ อำานาจของคณะอนุญาโตตุลาการ และผลแห่งคำาชี้ขาด
               ของอนุญาโตตุลาการย่อมขึ้นอยู่กับกฎหมายของรัฐว่าบัญญัติไว้เช่นไร การเสนอข้อพิพาท

               ต่ออนุญาโตตุลาการจึงเป็นเรื่องที่รัฐอนุญาต ไม่ใช่สิทธิของคู่พิพาท ดังนั้น ตามแนวคิดแบบ
               ดั้งเดิมนี้ผลของคำาชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจึงต้องเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นกฎหมาย

               ของรัฐที่อันเป็นสถานที่ในการดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการ


                        ๒. ทฤษฎีสัญญ� (The Contractual Theory)


                        ทฤษฎีนี้ถือว่า การอนุญาโตตุลาการมาจากสัญญาระว่างคู่พิพาท ดังนั้น คู่พิพาท
               จึงเป็นผู้กำาหนดกระบวนพิจารณาและรายละเอียดต่างๆ ของการระงับข้อพิพาท เป็นเรื่องของ

               ความสมัครใจของคู่พิพาทที่จะระงับข้อพิพาทระว่างคู่พิพาทด้วยวิธีการที่คู่พิพาทสมัครใจ
               ตกลงกัน อำานาจของคณะอนุญาโตตุลาการจึงเกิดขึ้นจากสัญญาไม่ใช่กฎหมายให้อำานาจ

               ดังนั้น หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าการดำาเนินการทางอนุญาโตตุลาการเป็นไปตามรายละเอียด
               ของสัญญา โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายของประเทศใดก็ต้องเป็นไปตามนั้น


               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                      51
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67