Page 26 - E-bookAyutthaya99_Neat
P. 26
วัฒนธรรมและประเพณีของกรุงศรีอยุธยา
่ ่ ่
คนไทยในอดีตจะต้องใช้ชีวิตทีอยู่ในกรอบประเพณีอันเคร่งครัด โดยเฉพาะสตรีเพศทียิงต้องอยู่ใน
่
้
กรอบหนาเป็นพิเศษแต่กระนันวัฒนธรรมการแต่งกายของชนชาติก็หาได้ล้าหลังชาติอืนๆและเป็นไป
่
ในรูปแบบทีงดงาม สมกับขนบจารีตของสังคมดังจะเห็นได้จากลักษณะของวัฒนธรรมในด้านต่างๆดัง
้
ต่อไปนี
ทรงผม
่
ในเรืองทรงผมของชาวกรุงศรีอยุธยาบันทึกจดหมายเหตุของลา ลูแบร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า
่
้
้
้
“ผมของชาวสยามนันสีดำา เส้นหยาบและเหยียดทังสองเพศไว้ผมสันมาก ผมทีปรกรอบศรีษะยาว
้
้
ลงมาเสมอระดับใบหูข้างบนเท่านัน ต่ำาลงมากว่าระดับนันก็กร้อนเสียเกือบเกรียนติดหนังศรีษะ พวก
่
้
้
ผู้หญิงนันหวีผมตังไว้บนหน้าผากโดยมิได้รวบเข้าเกล้ากระหมวดและลางนางซึงส่วนมากเป็นชาว
่ ่
รามัญ ปล่อยให้ผมนาวไปข้างหลังพอประมาณเพือขมวดมุ่นเป็นมวยไว้ทีท้ายทอย ชายหนุ่มและหญิง
่ ่ ่
สาวทีอยู่ในวัยทีจะมีเรือนได้แล้วก็ไว้ผมแปลกไปอีกทำานองหนึงคือการใช้กรรไกรหนีบตัดผมกลาง
่
้
้
้
กระหม่อมเสียสันเกรียน ครันแล้วรอบเรือนผมนันเขาถอนออกมาเป็นกระจุกเล็กๆกระจุกหนึงและ
้
ทางด้านล่างนันเขาปล่อยให้มันงอกยาวออกไปจนเกือบประบ่าเพราะอากาศร้อน...”
รูปร่างหน้าตาของชาวกรุงศรีอยุธยา
้
้
รูปร่างหน้าตาของมนุษย์อาทิ สีผิว สีผม หรือสีของม่านตานัน ก็ย่อมขึนอยู่กับชาติพันธุ์ของ
่
้
่
่
้
้
บุคคลนันๆซึงในเรืองนีลาลูแบร์ก็ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุในทำานองทีว่า“ชาวสยามนันรูปร่าง
้
ค่อนข้างย่อมมากกว่าจะใหญ่โตแต่รูปร่างของเขาก็ได้สัดส่วนดีวงหน้าของชาวสยามทังชายและหญิง
่ ้
กระเดียดไปข้างรูปขนมเปียกปูนมากกว่าทีจะเป็นรูปไข่ ใบหน้ากว้าง ผายขึนไปทางเหนือโหนกแก้ม
้
แล้วทันใดก็ถึงหน้าผากอันแคบ รวมเข้าเป็นรูปมนเหมือนปลายคางดวงตาเล็กและฟันดำา ผิวนันหยาบ
่ ้
สีน้ำาตาลปนแดง สาเหตุเพราะเกรียมแดดเท่าๆกับทีเป็นมาโดยกำาเนิดเหมือนกัน ชาวสยามนันจมูก
่
้
่
้
สันปลายมนและใบหูนันใหญ่กว่าใบหูของพวกเรา(ชาวฝรังเศส) คนมีใบหูใหญ่มากเท่าไรก็ยิงเป็นที ่
้ ้
ยกย่องกันมากขึนเท่านัน”
บ้านเรือนของประชน
่
ในสมัยอยุธยาคำาว่าบ้านกับคำาว่าเรือนมีความหมายทีแตกต่างกันกล่าวคือถ้าเราพูดถึงคำาว่าบ้าน
่ ่ ่
จะมีความหมายไปในทางทีว่าเป็นหมู่บ้านหรือเป็นชุมชนทีอยู่อาศัยของคนกลุ่มหนึง ส่วนคำาว่าเรือน
่
้
นันก็จะหมายความถึงบ้านหลังเดียวๆ เช่น เรือนของพระโหราธิบดีเป็นต้น ในจดหมายเหตุของลา ลู
้ ่
แบร์ ได้บันทึกถึงเรือนของชาวกรุงศรีอยุธยาในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเอาไว้ดังนีทีอยู่
้
้
้
อาศัยของชาวสยามนันเป็นเรือนหลังย่อมๆพืนเรือนนันก็ใช้ไม้ไผ่มาสับเป็นฟากและเรียงไว้ไม่ค่อยถี ่
่ ่ ้ ้
นัก แล้วยังจักตอกขัดแตะเป็นฝาและใช้เป็นเครืองบนหลังคาเสร็จไปด้วยในตัว เสาตอม่อทียกพืนขึน
้ ้ ้
สูงให้พ้นน้ำาท่วมก็ใช้ไม้ไผ่ลำาใหญ่กว่าขา และสูงจากพืนดินราว ๑๓ ฟุตเพราะลางครังน้ำาก็ท่วมขึนมา
้
สูงถึงเท่านัน...”