Page 101 - โครงการ_Neat
P. 101

- 97 -








                    1. การกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทขึ้นไปนั้นถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็น

             หนังสือ อย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสําคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหา


             ได้ไม่โดยกฎหมายกําหนดเฉพาะลายมือชื่อผู้ยืมเท่านั้น และการมีหลักฐานลง


             ลายมือชื่อนั้น ไม่จําเป็นต้องเป็นการลงชื่อในสัญญาเงินก้ เสมอไป


                    ค ําพิพากษาฎีกาที่ 1567/2499 บันทึกการเปรียบเทียบของอําเภอ มีข้อความว่า


             จําเลยได้ยืมเงินโจทก์ไป 800 บาท แต่ใช้แล้ว จําเลยลงชื่อในบันทึก ดังนีบันทึก


             ดังกล่าวเป็นหลักฐาน แห่งการกู้ยืมเงิน


                    ค ําพิพากษาฎีกาที่ 3003/2538 รายงานประจําวันเกี่ยวกับคดีที่เปรียบเทียบ


             ปรับจําเลย มีข้อความตอนหนึ่งว่า จําเลยขอยืมเงินของโจทก์และสัญญาว่าจะชดใช้


             เงินคืน จําเลยลงลายมือชื่อใน รายงานดังกล่าวด้วย ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการ


             กู้ยืมคําพิพากษาฎีกาที่ 306/2506 จําเลยลงชื่อในใบรับเงิน 2 ฉบับ ซึ่งมีข้อความ


             เพียงรับเงิน 6,000 บาท และรับเงิน 3,000 บาท โดยไม่มีข้อความว่าผู้รับเงินจะใช้


             คืน ไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม


                    คําพิพากษาฎีกาที่ 2725/2526 หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินไม่จําเป็นจะต้องมี


             ข้อความว่า กู้ยืมเงินจากใคร ได้ความเพียงว่าจําเลยทําหนังสือนั้นมอบให้แก่โจทก์

             ก็มีความหมายว่าจําเลยกู้ยืมเงิน จากโจทก์ได้


                    ค ําพิพากษาฎีกาที่ 65/2507 หนังสือมีข้อความว่า “IOU”โดยระบุจํานวนเงิน


             และลงชื่อจําเลย เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม


                    2. หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินจะมีขณะหรือหลังการกู้เงินก็ได้ แต่ต้องมีก่อน


             ฟ้องเรียกเงินตาม สัญญากู้เงิน


                    คําพิพากษาฎีกาที่ 3464/2538 หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ไม่จําเป็น


             จะต้องมีในขณะ ทําสัญญากู้ยืม อาจจะมีขึ้นภายหลังการทําสัญญาก็ได้ แต่จะต้องมี
   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106