Page 233 - เอกสารฝนหลวง
P. 233
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
พ.ศ.2517
ระหว่างวันที่ 3 เมษายน – 27 เมษายน พ.ศ. 2517 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติการ
ไล่นํ้าเน่าและผลักดันนํ้าเค็มในแม่นํ้าแม่กลอง และช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเขต 7 ซํ้าอีกครั้ง จากความสําเร็จ
ราษฎรในเขต 7 นี้ เปลี่ยนจากเดิมที่เรียกว่า ฝนหลวงพระราชทานบ้าง ฝนในหลวงบ้าง แต่นิยม
เรียกว่า ฝนหลวง ในพื้นที่อื่นๆ และโดยสื่อมวลชนทั่วไปมากกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คําว่าฝนหลวง
เพราะเป็นคําที่มีความหมายและความสําคัญในตัวเพียงพออยู่แล้ว และอีกประการหนึ่งไม่มีพระประสงค์
ที่จะยกย่องและโฆษณา (Propaganda) พระองค์เอง จนในที่สุดคณะรัฐมนตรีในสมัยนั้นมีมติให้ใช้คําว่า
ฝนหลวงเป็นทางราชการ แทนคําว่า ฝนเทียมที่เคยมีผู้เรียกขานกันแต่ก่อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึง
ปัจจุบัน ฉะนั้นคําว่า ฝนหลวง จึงเกิดมาจากประชามติโดยแท้
ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2517 เกิดฝนทิ้งช่วงระยะยาวในทั้ง
16 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทําให้นาข้าวที่ปลูกหรือปักดําไปแล้วไม่มีนํ้าพอที่จะปักดํา
กําลังจะได้รับความเสียหายรวมกันไม่น้อยกว่า 17 ล้านไร่ จึงทรงพระกรุณาประสานงานขอให้
กองทัพอากาศ สนับสนุนเครื่องบิน ซี123 จํานวน 2 เครื่อง และกองบินตํารวจสนับสนุนเครื่องบิน
ปอร์ตเตอร์อีก 2 เครื่อง สมทบกับเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จํานวน 8 เครื่อง จัดตั้งเป็น
คณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ โดยตั้งฐานปฏิบัติการหลักอยู่ที่สนามบินจังหวัดขอนแก่น ทรงบัญชาการ
และวางแผนให้เครื่องบิน ซี123 ทั้ง 2 เครื่อง บรรทุกสารฝนหลวงจากสนามบินดอนเมือง ปฏิบัติการ
ตามแผนแล้วมาลงที่สนามบินขอนแก่น และบรรทุกสารเคมีจากสนามบินจังหวัดขอนแก่นขึ้นปฏิบัติการ
สนับสนุนแล้วบินกลับไปลงสนามบินดอนเมืองในวันเดียวกัน พร้อมทั้งใช้เครื่องบินขนาดเล็กเสริม
ปฏิบัติการตามขั้นตอนกรรมวิธีของเทคโนโลยีฝนหลวงพระราชทาน ปฏิบัติการเช่นนี้จนเสร็จ
สิ้นภารกิจช่วยให้รอดพ้นความเสียหาย เกษตรกรสามารถปลูก และปักดํานาข้าวเพิ่มขึ้นได้เกือบเต็ม
พื้นที่ 100%
พ.ศ. 2518
ได้เกิดภาวะแห้งแล้งเนื่องจากฝนทิ้งช่วงยาวในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่อัตรากําลังของเครื่องบิน และอุปกรณ์ที่มีอยู่สามารถจัดคณะปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือราษฎร
ได้เพียง 1 คณะ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พยายาม
จัดเครื่องบินเพิ่มขึ้นรวมกับเครื่องบินที่ราษฎรน้อมเกล้าถวาย ซึ่งพระราชทานไว้ในความรับผิดชอบ
ของกองบินตํารวจ จึงสามารถจัดคณะปฏิบัติการขึ้นเป็น 2 คณะ คณะที่ 1 ปฏิบัติการช่วยเหลือให้แก่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บัญชาการโดย ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล คณะที่ 2 ปฏิบัติการช่วยเหลือให้แก่
ภาคกลางและภาคตะวันออกบางจังหวัด ทรงบัญชาการเอง โดยมีวรุณ 1 เป็นผู้สนองพระราชกระแส
และพระราชประสงค์ในการปฏิบัติการภาคสนาม แต่เนื่องจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เกิด
ภาวะแห้งแล้งพร้อมกันเป็นบริเวณกว้างเกินความสามารถ และสมรรถนะของเครื่องบินของคณะปฏิบัติการ
189