Page 236 - เอกสารฝนหลวง
P. 236
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
และเดือนมีนาคม – เมษายน (ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูร้อน) ทรงติดตามผลการปฏิบัติการ พระราชทาน
ข้อแนะนําทางเทคนิค และแผนที่แบ่งเขตพยากรณ์คาดหมายพื้นที่การเกิดเมฆที่ทําฝนได้อย่างแม่นยํา
ทําให้สามารถกู้ภัยแล้งในภาคเกษตรกรรม และการผลักดันนํ้าเค็มในแม่นํ้าเจ้าพระยาในพื้นที่เป้าหมาย
ปฏิบัติการได้อย่างสัมฤทธิ์ผลตามพระราชประสงค์
พ.ศ. 2542
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ผ่านกองงานส่วนพระองค์ ให้จัดตั้งคณะปฏิบัติการ
ฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้งขึ้น 2 คณะ ตั้งฐานปฏิบัติการ ณ สนามบิน จ.นครสวรรค์ ประกอบด้วยเครื่องบินเล็ก
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปฏิบัติการให้จังหวัดในพื้นที่เป้าหมาย ลุ่มนํ้าภาคกลางตอนบน และ
ตั้งฐานปฏิบัติ ณ สนามบิน จ.พิษณุโลก ปฏิบัติการให้จังหวัดในพื้นที่เป้าหมายลุ่มนํ้าภาคเหนือตอนล่าง
ในลักษณะเดียวกับ พ.ศ. 2537 เป็นแบบอย่างที่อยู่ภายใต้กรอบหรือขอบเขตที่เป็น ฝนหลวงพิเศษ
ที่เห็นได้อย่างชัดเจน การปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้ง พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็น พระราชกรณียกิจ
ที่สําคัญยิ่งต่อโครงการฝนหลวง โปรดเกล้าฯ ให้เป็นการปฏิบัติการฝนหลวงหวังผลควบคู่กับการ
ปฏิบัติการค้นคว้าทดลอง ได้พัฒนาขั้นตอนกรรมวิธีเทคโนโลยีฝนหลวงจาก 4 เป็น 6 ขั้นตอนกรรมวิธี
รวมทั้งทรงประดิษฐ์คิดค้นเทคนิคการโจมตีแบบ Super Sandwich
ทรงประดิษฐ์แผนภาพ (การ์ตูน) ขั้นตอนกรรมวิธีฝนหลวงทั้ง 6 ขั้นตอน ไว้ใน
หน้ากระดาษ A–4 เพียงหน้าเดียวพระราชทานให้ใช้เป็นตําราฝนหลวง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน
(พ.ศ. 2550) และต่อไปในอนาคต จึงเรียกว่า “ตําราฝนหลวงพระราชทาน”
พ.ศ. 2548
โปรดเกล้าฯ ให้ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ณ ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งเป็นศูนย์เฉลิมพระเกียรติสนองพระราชประสงค์โดยตรง และเป็นศูนย์ต้นแบบในการปฏิบัติการ
ฝนหลวงพิเศษกู้ภัยแล้ง เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจําภาคทั้ง 9 ศูนย์ ที่ตั้ง
ฐานปฏิบัติการกระจายอยู่ทั่วประเทศในช่วงฤดูแล้ง
พ.ศ. 2549
โปรดเกล้าฯ ให้ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวงจากศูนย์หัวหินเดินทางไปถ่ายทอด
ประสบการณ์ในการประยุกต์เทคนิคและเทคโนโลยีฝนหลวงโดยการปฏิบัติการสาธิตร่วมกับ
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจําภาคตะวันออก ณ ฐานปฏิบัติการอู่ตะเภา จ.ระยอง ตามคํากราบบังคมทูล
ขอพระราชทานข้อแนะนําของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น(คุณหญิง สุดารัตน์
เกยุราพันธุ์) เพื่อช่วยภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม
มาบตาพุดของ จ.ระยอง และย่านอุตสาหกรรมเล็กที่กระจายอยู่รายรอบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
เนื่องจากอ่างเก็บนํ้าต่างๆ ที่ส่งนํ้าเพื่อการผลิตแก่ภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว อยู่ในสภาวะวิกฤติ ปริมาณ
192