Page 362 - เอกสารฝนหลวง
P. 362
ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง
เป้าหมายหวังผล โดยการโปรยสารทําฝนกลุ่มที่เป็นแกนกลั่นตัวหรือกลุ่มที่เมื่อดูดซับความชื้นแล้ว
ทําให้อุณหภูมิตํ่าลงเล็กน้อย(สูตร 1 หรือ สูตร 1+4 หรือ สูตร 1+3 ในอัตราส่วน 6:1 – 8:1) ทั้งแบบผง
หรือสารละลาย ที่ระดับทับยอดหรือไหล่เมฆด้านเหนือลมของก้อนเมฆ หรือในเมฆ หรือที่ฐานเมฆ
สุดแล้วแต่สภาพเมฆ หรือภูมิประเทศ ถ้ากลุ่มเมฆลอยอยู่เหนือเทือกเขาโจมตีที่ระดับทับยอดเมฆ
หรือไหล่เมฆด้านเหนือลม หรือเข้าไปในยอดเมฆที่สูงกว่า 10,000 ฟุต หากกลุ่มเมฆที่โจมตี
ลอยอยู่เหนือพื้นราบหรือเนินเขาที่มียอดเขาไม่สูง เครื่องบินสามารถบินเข้าไปโจมตีที่ฐานเมฆหรือ
ในเมฆสูงกว่าฐานเมฆไม่เกิน 1,000 ฟุต ด้วยสารทําฝนสูตร 4 หากกลุ่มเมฆที่โจมตีบางก้อน
ยังแก่ตัวไม่เต็มที่ หรืออุณหภูมิอากาศใต้ฐานเมฆอยู่ในเกณฑ์สูง หรือฐานเมฆสูงกว่าพื้นดินเกินกว่า
5,000 ฟุต โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว หยดฝนที่ตกทะลุฐานเมฆลงมามีขนาดยังไม่โต
พอที่จะร่วงหล่นลงมาถึงพื้นดิน จะระเหยนํ้าออกจากหยดฝนดังกล่าวจนหมด หรือเหลือขนาดเล็กลง
และถูกกระแสลมในแนวตั้ง (Updraft) ใต้ฐานเมฆ ชักนําให้ลอยกลับไปเจริญเติบโตที่ฐานเมฆอีกครั้ง
เพื่อแก้ปัญหาที่ฝนตกไม่ถึงพื้นดังกล่าว สมควรโจมตีด้วยเทคนิค SANDWICH โปรยสาร
ทําฝนกลุ่มแกนกลั่นตัวหรือกลุ่มที่ทําให้อุณหภูมิเย็น (เช่นสูตร 1 หรือ สูตร 1 + สูตร 4 ในอัตรา
6: 1 หรือ 8:1) ทับยอดเมฆหรือไหล่เมฆด้านรับลมที่ระดับไม่เกิน 10,000 ฟุต เป็นแนวยาวขวาง
ทิศทางลม และโปรยสารทําฝนที่ทําให้อุณหภูมิอากาศตํ่าลง(สูตร 4) ที่ระดับฐานเมฆหรือเหนือ
ฐานเมฆเล็กน้อย เป็นแนวยาวขวางทิศทางลม โดยเริ่มต้นโปรยพร้อมกันและหันหัวเครื่องบินไปทิศทาง
เดียวกัน แนวโปรยสารทําฝนที่ระดับยอดเมฆหรือไหล่เมฆต้องขนานกับแนวโปรยที่ฐานเมฆ และ
ให้แนวโปรยสารทั้งสองทํามุมเยื้องกัน 45 องศา
เพื่อเสริมการโจมตีแบบ SANDWICH ให้สัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น ด้วยการโปรยสารทําฝนที่มี
อุณหภูมิเย็นยิ่งยวดถึง -78 องศาเซลเซียส (Dry Ice) โดยโปรยเป็นวงกลมหรือเป็นแนวตรงที่ระดับตํ่า
กว่าฐานเมฆประมาณ 1,000 ฟุต พร้อมกับการโจมตีแบบ SANDWICH ดังกล่าว ทําให้กลุ่มอากาศ
ใต้ฐานเมฆเย็นจัดและหดตัวอย่างฉับพลัน เป็นเหตุให้ความชื้นสัมพัทธ์ใต้ฐานเมฆสูงขึ้นและ
อุณหภูมิตํ่าลง ชักนําไอนํ้าและอณูนํ้าของอากาศโดยรอบฐานเมฆที่ถูกโจมตีเข้ามาสู่กลุ่มอากาศใต้
ฐานเมฆดังกล่าวเสริมความชื้นสัมพัทธ์ใต้ฐานเมฆให้สูงขึ้น และถูกกระแสลมในแนวตั้ง (Updraft)
ใต้ฐานเมฆชักนําให้ลอยขึ้นไปกลั่นตัวเจริญเติบโตเป็นหยดนํ้าใหญ่ยิ่งขึ้นพอที่จะร่วงหล่นทะลุฐานเมฆ
ลงมาผ่านกลุ่มอากาศใต้ฐานเมฆที่มีอุณหภูมิเย็นลงและความชื้นสัมพัทธ์สูงลงมา นอกจากหยดฝน
ดังกล่าวจะยังคงขนาดเดิมไว้ได้แล้ว ยังเจริญเติบโตเป็นหยดฝนใหญ่ ปริมาณหยดฝนหนาแน่น และ
ทวีปริมาณฝนตกมากยิ่งขึ้น ขนาดของฐานเมฆขยายตัวปกคลุมพื้นที่ได้รับฝนเป็นบริเวณกว้างยิ่งขึ้น
อีกด้วย
314

