Page 357 - เอกสารฝนหลวง
P. 357

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง


                       อยู่ในส่วนที่เป็นเมฆอุ่น  (Warm  Cloud) ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า  0  องศาเซลเซียส  ที่ระดับประมาณ
                       18,000  ฟุต  สูงกว่านั้นขึ้นไปเป็นส่วนของเมฆเย็น  (Cool  Cloud)  ซึ่งมีอุณหภูมิตํ่ากว่า  0  องศาเซลเซียส

                       ยิ่งสูงเท่าใดอุณหภูมิยิ่งลดตัวลงเป็นเมฆเย็นยิ่งยวด  (Super  Cooled  Cloud)  ซึ่งมีอุณหภูมิ  -8  ถึง  -10

                       องศาเซลเซียส  ที่ระดับ  22,000  ฟุตขึ้นไป  ซึ่งเป็นย่านที่เกิดผลึกนํ้าแข็ง  ลูกเห็บ  และหิมะ


                                 สารทดลองหรือสารทําฝน

                                       เดิมเรียกว่าสารเคมีทดลองที่ใช้ในการปฏิบัติการค้นคว้าทดลองและเรียกว่าสารเคมีทําฝน

                       ที่ใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงหวังผลมาตั้งแต่เริ่มแรกโครงการ    แต่ได้สร้างความเข้าใจผิดในหมู่
                       ราษฎรว่า  นํ้าฝนที่ตกลงมาจากปฏิบัติการใช้อุปโภคและบริโภคไม่ได้    จึงหลีกเลี่ยงมาใช้คําว่า

                       สารทดลองและสารทําฝนแทน    อย่างไรก็ดีสารเหล่านั้นดังกล่าวได้ผ่านการวิเคราะห์และวิจัย
                       อย่างรอบคอบแล้วว่า  นํ้าฝนที่ตกลงมาจากการปฏิบัติการไม่มีพิษภัยหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์

                       หรือสัตว์  หรือพืช  รวมทั้งสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด    ใช้อุปโภคบริโภคได้เช่นเดียวกับนํ้าฝนธรรมชาติ
                       จากการวิเคราะห์พบว่านํ้าฝนจากปฏิบัติการมีสิ่งเจือปนตํ่ากว่าและบริสุทธิ์กว่าเกณฑ์มาตรฐานที่

                       กําหนดไว้โดยกองอาชีวะอนามัย  กระทรวงสาธารณสุข  และองค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ

                                       เทคโนโลยีการทําฝนเป็นกระบวนการดัดแปรสภาพอากาศ   โดยการใช้สารทําฝน

                       ในแต่ละขั้นตอนกรรมวิธี    เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของกลุ่มอากาศและฟิสิกส์ของเมฆ

                       (Cloud Physics)  ทําให้เกิดกิจกรรมและกลไกในกลุ่มอากาศและในเมฆดังกล่าว  ช่วยเร่งเร้าให้กระบวนการ
                       เกิดฝนเร็วขึ้น   และทวีปริมาณมากขึ้น


                                       ฉะนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีจึงดําเนินการพร้อมหรือควบคู่กับการพัฒนาสารทําฝน
                       เพื่อให้ได้สารทําฝนที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการทางวิชาการในแต่ละขั้นตอนกรรมวิธีของเทคโนโลยี

                       การทําฝน

                                      สารทําฝน (Rainmaking  Substance) ต้องเป็นสารที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี
                       เมื่อดูดซับความชื้นจนอิ่มตัวแล้ว  จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์กับกลุ่มอากาศหรือฟิสิกส์ของเมฆ

                       พอที่จะจําแนกตามปฏิกิริยาทางฟิสิกส์ที่แตกต่างกัน  ดังนี้

                              กลุ่มที่  1  :  เป็นกลุ่มแกนกลั่นตัวของเมฆ (Cloud  Condensation  Nuclei–CCN)  ทําหน้าที่

                       เป็นแกนกลั่นตัวเมื่อดูดซับความชื้นจนอิ่มตัวแล้ว   ไม่เกิดปฏิกิริยาที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

                       ทางฟิสิกส์หรือไม่ทําให้อุณหภูมิสูงขึ้นหรือตํ่าลง     แต่ยังคงเป็นแกนกลั่นตัวที่เป็นสารละลายเข้มข้น
                       ที่มีความตึงผิวสูง   ที่ชักนําไอนํ้าและอณูนํ้าในเมฆเข้ามาเกาะกลั่นตัวโดยรอบเจริญเติบโตเป็นหยดเมฆ

                       ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น   รวมตัวกันเป็นเมฆเกิดใหม่และเสริมเมฆเดิมที่ก่อตัวอยู่แล้วให้เจริญเติบโตใหญ่
                       และรวดเร็วยิ่งขึ้น    ขณะที่เกิดกระบวนการกลั่นตัวจะคายความร้อนแฝงออกมาทําให้กลุ่มอากาศ

                       ในเมฆลอยตัวขึ้นในแนวตั้ง (Updraft) แต่ยังไม่รุนแรงนัก สารทําฝนในกลุ่มนี้ที่โปรดเกล้าฯ ให้

                                                              309
   352   353   354   355   356   357   358   359   360   361   362