Page 136 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 136

๑๒๓




                                  ó.ó   ¡ÒÃÍÂًËÇÁËÃ×Íã¡ÅŒà¤Õ§·Õèà¡Ô´àËμØã¹ÅѡɳзÕè¾ÃŒÍÁ¨ÐãËŒ¤ÇÒÁª‹ÇÂàËÅ×Í
                 ä´Œ·Ñ¹·‹Ç§·Õ เชน

                                          ®Õ¡Ò·Õè ôõö/òõóð จําเลยที่ ๑ ขึ้นไปบนบานของผูเสียหายพรอมกับ
                 คนรายโดยเอามือลวงกระเปากางเกงอยูที่ชานบานในลักษณะคุมเชิง สวนคนรายเขาไปควาปน

                 ลูกซองยาวของผูเสียหายที่แขวนไวที่ขางฝาและเกิดแยงปนกับภรรยาผูเสียหาย คนรายจึงไดใช
                 เทาเตะและชักมีดออกมาขู หลังจากนั้นจําเลยที่ ๑ และคนรายวิ่งหลบหนีไปพรอมกัน พฤติการณ

                 เชนนี้แสดงวาจําเลยที่ ๑ รวมกับพวกทําการปลนทรัพย
                                  ó.ô  ÍÂًËÇÁã¹·Õèà¡Ô´àËμØáÅС‹ÍãËŒ¼ÙŒÍ×蹡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ ઋ¹

                                          ®Õ¡Ò·Õè ôðôó/òõòø จําเลยทั้ง ๔ เขาไปในบานผูเสียหายโดยมีพวกรอ
                 อยูนอกบานติดเครื่องรถจักรยานยนตพรอมที่จะแลนออกไปไดทันที จําเลยที่ ๒ เปนผูออกคําสั่งให

                 จําเลยที่ ๑ ยิงผูเสียหาย แตยิงไมถูกและขณะที่จําเลยที่ ๑ จองยิงไปยังผูเสียหาย จําเลยที่ ๓ และ ๔
                 ก็ยืนคุมเชิงอยูดานหลัง ดังนี้ จําเลยที่ ๒, ๓, ๔ เปนตัวการ รวมกับจําเลยที่ ๑ ในความผิดฐานพยายามฆา
                             ô. ÁÕà¨μ¹ÒËÇÁ¡Ñ¹ã¹¢³Ð¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´ หมายความวา ผูที่กระทําการรวมกัน

                 จะตองรูถึงการกระทําของกันและกัน และตางประสงคถือเอาการกระทําของแตละคนเปนการ
                 กระทําของตนดวย ถึงแมจะมิไดทําจริงดวยมือตนเองก็ตาม

                                  ®Õ¡Ò·Õè óñó/òõòù  ในระหวางที่จําเลยที่ ๓ รุมชกตอยผูเสียหาย จําเลยที่ ๑
                 ใชมีดตัดกระดาษกรีดใบหนาผูเสียหายเปนแผลเสียโฉมติดตัว จําเลยที่ ๒ และ ๓ ตองมีความผิดฐาน

                 เปนตัวการรวมทํารายคนเปนเหตุใหผูเสียหายไดรับอันตรายสาหัสตามมาตรา ๒๙๗ (๔) แตศาล
                 อาจลงโทษนอยกวาจําเลยที่ ๑ ผูเปนตนเหตุโทษที่ตัวการจะตองรับ ตามมาตรา ๘๓ บัญญัติวา

                 “ตัวการตองระวางโทษตามที่กฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดนั้น” หมายความวาตัวการแตละคน
                 ตองรับโทษตามตัวบทกฎหมายที่บัญญัติไวสําหรับความผิดนั้นๆ แตไมไดหมายความถึงตัวการ

                 รวมทุกคนจะตองรับโทษเทากัน
                                  ®Õ¡Ò·Õè ñööø/òõóò  จําเลยที่ ๑ แกลงทําเปนถูกผีเขาสิงเดินเขาไปหาผูเสียหาย

                 เมื่อผูเสียหายตกใจวิ่งหนี จําเลยที่ ๑ วิ่งไลตามบีบคอกดตัวผูเสียหายลงกับพื้น จําเลยที่ ๒ มิได
                 เขารวมกับจําเลยที่ ๑ ในเหตุการณดังกลาว ทั้งขณะจําเลยที่ ๑ ขมขืนกระทําชําเราผูเสียหาย จําเลยที่ ๒

                 ก็นั่งอยูหางผูเสียหายประมาณ ๑๐ วา เมื่อจําเลยที่ ๑ ขมขืนกระทําชําเราผูเสียหายเสร็จแลว จําเลย
                 ที่ ๒ จึงเขามาลากผูเสียหายไปขมขืนกระทําชําเราที่ขางกอไผหางจากจุดที่จําเลยที่ ๑ ขมขืนกระทํา

                 ชําเราผูเสียหายพอสมควร โดยจําเลยที่ ๑ มิไดเขามาเกี่ยวของดวยแตอยางใด การกระทําของจําเลย
                 ทั้งสองยังไมเขาลักษณะเปนการโทรมหญิง
                                  ®Õ¡Ò·Õè ôòóð/òõóð  จําเลยเปนชูกับภรรยาผูตาย แลวจําเลยมาพบกับภรรยา

                 ผูตายที่บานผูตายในเวลากลางคืน โดยใหเพื่อนผูชาย ๒ คน ไปเฝาที่หนาหองนอนผูตาย เมื่อผูตาย

                 เห็นขึ้นมาจําเลยจะไดออกไปทางประตูหนาบานไดทัน แสดงวาจําเลยมีเจตนาที่จะใหเพื่อนของตน
   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141