Page 532 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 532

๕๑๙



                             (ô) ®Õ¡Ò·Õè ñôò/òô÷÷ ถอยคําที่วา “บักสี กูจะเตะปากมึงเดี๋ยวนี้” หาใชเปนการ
                 ใสความหรือดูถูกดาทอซึ่งเปนการหมิ่นประมาทซึ่งหนาไม

                             ถอยคําที่ตามปกติถือไดวาเปนเพียงไมสุภาพหรือหยาบคาย หากกลาวกับบุคคลทั่วไป

                 แลว ไมถึงขนาดเปนการดูหมิ่นนั้น ถานําไปกลาวกับผูที่อยูในฐานะที่ควรไดรับการเคารพนับถือแลว
                 ก็เปนการดูหมิ่นได
                             ®Õ¡Ò·Õè ÷õ÷ò/òõôò  การที่จําเลยกลาวถอยคําตอโจทกรวมวา “มึงเขาไปในที่ของกู

                 ไดอยางไร กูจะแจงขอหาบุกรุกมึง มึงเปนผูใหญบานไดอยางไร ไมรูกฎหมายไมรูหนาที่ ไอหนาโง
                 มึงตองเจอกับกูแนที่ศาล” นั้นเห็นไดวาสรรพนามที่จําเลยใชแทนตัวจําเลยและโจทกรวมวา¡Ùและ

                 ÁÖ§นั้นเปนเพียง¶ŒÍÂคําäÁ‹ÊØÀÒ¾ สวนถอยคําในทํานองวาโจทกรวมเปนผูใหญบานไมมีอํานาจหนาที่
                 ไมรูกฎหมายและจะฟองรองดําเนินคดีกับโจทกรวมนั้น เปนเพียงเจตนาที่จะดําเนินคดีกับโจทกรวม

                 เทานั้น ไมใชถอยคําที่ดูถูกเหยียดหยามโจทกรวม แตที่จําเลยวาโจทกรวมวาä͌˹ŒÒâ§‹นั้น ถอยคํา
                 ดังกลาวแสดงอยูในตัวถึงการดูหมิ่นเหยียดหยามโจทกรวม แมจะเปนการกลาวถอยคําดูหมิ่น

                 โจทกรวมในขณะที่จําเลยและโจทกรวมทะเลาะกัน ก็ตองถือวาจําเลยกลาวโดยมีเจตนาดูหมิ่นโจทกรวม
                 หาใชวาการกลาวในขณะทะเลาะกัน จะถือวาจําเลยมิไดมีเจตนาดูหมิ่นอันจักเปนการขาดองคประกอบ

                 ความผิดไม
                             ®Õ¡Ò·Õè òøö÷/òõô÷  คําวา “ดูหมิ่น” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ไมไดนิยามศัพทไววา

                 มีความหมายวาอยางไร แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึง ดูถูก
                 เหยียดหยาม  ทําใหอับอายเปนที่เกลียดชังของประชาชน  โดยถอยคําที่กลาวจะตองเปนการ

                 เหยียดหยามผูอื่น หาใชตัวผูกลาวเองไม คําวา “ประธานใชครูอยางขี้ขา” นั้น จําเลยมิไดเหยียดหยาม
                 ตัวผูเสียหายวามีสถานภาพอยางขี้ขาหรือผูรับใช แตเปนการพูดถึงสถานภาพของครูในโรงเรียนรวมทั้ง

                 จําเลยวาเปนผูรับใชของผูเสียหาย เมื่อคําวา “ขี้ขา” ในที่นี้จําเลยหมายถึงตัวจําเลยเองและครูในโรงเรียน
                 ที่ถูกผูเสียหายใชงาน มิใชหมายถึงตัวผูเสียหายซึ่งเปนผูใชงาน ถอยคําที่จําเลยกลาวจึงมิใชเปน
                 การดูหมิ่นผูเสียหายซึ่งหนาตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓

                             ÍØ·ÒËó

                             (ñ) ®Õ¡Ò·Õè õôñ/òõðô  ถอยคําที่จําเลยกลาวตอสามเณรสองรูปซึ่งหนา เพราะเหตุที่
                 ใชไปขอเทียนจากภิกษุรูปหนึ่งไมไดวา “ถาไมไปเดี๋ยวกูเตะลงกุฏิใหหมด” เปนถอยคําที่จําเลยกลาวแก
                 สามเณรซึ่งเปนบุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือวา ควรเคารพกวาบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไมแตเพียงจะ

                 เปนถอยคําที่ไมสุภาพและขมขูเทานั้น หากเปนการดูหมิ่นตามความหมายใน ป.อ.มาตรา ๓๙๓ ดวย
                             (ò) ®Õ¡Ò·Õè ñ÷öõ/òõðö  การที่จําเลยกลาวแกพระภิกษุวา “ถาไมเห็นแกผาเหลือง

                 หรือไมใชพระจะเตะใหตกกุฏิหมดเลย” เปนความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนา
                             การดูหมิ่นนี้มิใชจํากัดเฉพาะการกระทําดวยวาจาเทานั้น แตอาจกระทําดวยการแสดง

                 กิริยาอาการก็ได
   527   528   529   530   531   532   533   534   535   536   537