Page 533 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 533

๕๒๐



                          ò. «Öè§Ë¹ŒÒËÃ×Í´ŒÇ¡ÒÃâ¦É³Ò

                          ซึ่งหนา หมายความวา ไมจําเปนวาผูดูหมิ่นจะตองอยูตอหนาผูถูกดูหมิ่น ถาไดความเพียง
              วากลาวคําดูหมิ่นใหผูถูกกลาวไดยินเทานั้นก็ถือวาเปนการกระทําซึ่งหนาแลว

                          การดูหมิ่นซึ่งหนานี้หมายความวา ผูถูกดูหมิ่นตองอยูในที่เกิดเหตุ และไดยินวาจาหรือได
              เห็นกิริยาดูหมิ่น แตถาการดูหมิ่นนั้นไมสามารถไปถึงผูถูกดูหมิ่นไดโดยตรงทันที เพราะผูถูกดูหมิ่นไมได

              อยูในที่เกิดเหตุแลวก็ยังไมถือวาเปนการดูหมิ่นซึ่งหนา
                          ÍØ·ÒËó

                          (ñ) ®Õ¡Ò·Õè ñù/òô÷ö  จําเลยกลาวคําหยาบดาผูเสียหายที่นอกถนนทางหลวง
              แตผูเสียหายอยูในหองไมเห็นตัวไดยินแตเสียง แตจําเลยรูแลววาผูเสียหายอยูในนั้นถือไดวาเทากับ

              ดาตอหนา

                          (ò) ®Õ¡Ò·Õè øõö-øõ÷/òõðò  เดินพนไปได ๓ วา แลวจึงดาก็เปนความผิดฐาน
              หมิ่นประมาทซึ่งหนา เพราะความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหนานั้น เพียงแตกลาวคําดาใหผูถูกดาไดยิน

              เทานั้นก็เปนผิดแลว ไมจําตองดาโดยหันหนาหากัน จะดาอยูขางหลังหรือขางไหนก็ไมสําคัญ
                          (ó) ®Õ¡Ò·Õè ñ÷öõ/òõðö  จําเลยลงบันไดกุฏิเดินไปราว ๙-๑๐ วา แลวพูดดูหมิ่น

              พระภิกษุ แมจะไมไดกลาวตอหนา แตพระภิกษุซึ่งถูกกลาวนั้นไดยินถอยคําซึ่งจําเลยกลาว ยอมเปน
              ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนา ตาม ป.อ.มาตรา ๓๙๓

                          (ô) ®Õ¡Ò·Õè òõö/òõðù  ความผิดฐานดูหมิ่นนั้น ถาเปนการกลาวดวยวาจาตองเปนการ

              กลาวซึ่งหนา คดีนี้โจทกมิไดอยูในที่เกิดเหตุ มิใชกลาวซึ่งหนาจึงไมเปนความผิดฐานดูหมิ่น
                          (õ) ®Õ¡Ò·Õè ññð/òõñö จําเลยมีจดหมายถึงโจทก แมขอความในจดหมายเปนการ

              ดูหมิ่น แตการที่จําเลยสงจดหมายไปถึงโจทกก็ตางวันเวลากัน จึงไมมีลักษณะเปนการดูหมิ่นซึ่งหนา
              หรือดูหมิ่นดวยการโฆษณา

                          (ö) ®Õ¡Ò·Õè òñøð/òõóñ การที่จะเปนความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น จะตองเปนการ
              ใสความผูอื่นโดยยืนยันขอเท็จจริงที่ใสความนั้นตอบุคคลที่สาม และการใสความนั้นนาจะทําใหผูอื่น

              ที่ถูกใสความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ดังนั้น การที่จําเลยถาม ป. วามีความสัมพันธ

              ทางชูสาวกับโจทกหรือไม จึงเปนเพียงการคาดคะเนของจําเลยเทานั้น มิใชเปนการยืนยันขอเท็จจริง
              อันนาจะทําใหโจทกเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแตประการใด จําเลยจึงไมมีความผิดฐาน
              หมิ่นประมาทและขอเท็จจริงไมปรากฏวาจําเลยกลาววาจาตอหนาโจทกจึงไมใชเปนดูหมิ่นโจทกซึ่งหนา

              จําเลยไมมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนา

                          การที่กฎหมายหามมิใหมีการดูหมิ่นซึ่งหนา นาจะเปนเพราะประสงคจะปองกันมิใหเกิด
              การทะเลาะวิวาทกัน การดูหมิ่นซึ่งหนาจึงนาจะตองเปนการดูหมิ่นในทันทีทันใด และในระยะที่อาจ

              เกิดการทะเลาะวิวาททํารายกันขึ้นได ฉะนั้น การเขียนจดหมายดาผูอื่นจึงไมเปนการดูหมิ่นซึ่งหนา
   528   529   530   531   532   533   534   535   536   537   538