Page 85 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 85

๗๒




              พฤติการณประกอบความผิด ไมเกี่ยวกับผลของการกระทํา ฉะนั้น เมื่อบุคคลผูกระทําไมรูขอเท็จจริง
              จึงไมตองรับโทษหนักขึ้น เชน การฆาบิดามารดาซึ่งเปนบุพการีของตน บุคคลนั้นจะตองรูวาบุคคล

              ที่ตนฆานั้นเปนบิดาหรือมารดากอน หรือขณะกระทํา ถามารูทีหลังเมื่อการฆาสําเร็จแลวก็เปนเรื่อง
              สําคัญผิดในขอเท็จจริง จะลงโทษตามมาตรา ๒๘๙ (๑) คงลงโทษไดตามมาตรา ๒๘๘ เทานั้น

              เพราะเขาไมรูขอเท็จจริงวาผูถูกฆาเปนบุพการีของตน
                          ®Õ¡Ò·Õè ø÷ò/òõñð (ประชุมใหญ) ความสําคัญผิดวามีภยันตรายอันตองปองกันนั้น

              เปนความสําคัญผิดตามมาตรา ๖๒ ไมใชมาตรา ๖๑ เพราะความสําคัญผิดตามมาตรา ๖๑
              เปนเรื่องสําคัญผิดในตัวบุคคล ซึ่งแมกระทําตอบุคคลใดก็เปนผิดทั้งนั้น สวนความสําคัญผิดตาม

              มาตรา ๖๒ นั้น เปนความสําคัญผิดซึ่งทําใหการกระทําไมเปนความผิดหรือทําใหผูกระทําไมตอง
              รับโทษ หรือไดรับโทษนอยลง

                          จําเลยใชปนยิงเด็กซึ่งสองไฟหากบที่ริมรั้วบานของจําเลยถึงแกความตาย โดยจําเลย
              สําคัญผิดวาเปนคนรายจะฆาพี่จําเลย เปนการปองกันเกินกวากรณีแหงการจําตองกระทําเพื่อปองกัน
              มีความผิดตามมาตรา ๒๘๘, ๖๙ ประกอบดวยมาตรา ๖๒

                          ®Õ¡Ò·Õè ôóð/òõóò จําเลยกับผูเสียหายแตงงานกันตามลัทธิศาสนาอิสลาม มีบุตร
              ดวยกัน ๑ คน ตอมาจําเลยกับผูเสียหายแยกกันอยู แตมิไดหยาขาดจากการเปนสามีภริยากัน ดังนั้น

              การที่จําเลยพาผูเสียหายไปกักขังเพื่อกระทําอนาจารและขมขืนกระทําชําเรา จึงอาจเปนกรณีที่จําเลย
              กระทําไปโดยเขาใจวาจําเลยมีสิทธิกระทําไดกับภริยา ซึ่งมีบุตรดวยกัน และบุตรก็ยังอยูกับจําเลย

              อันเสมือนกับทําโดยวิสาสะ ยอมไมเขาลักษณะกระทําโดยมีเจตนาราย ไมเปนความผิดฐานพาหญิง
              ไปเพื่อการอนาจาร หนวงเหนี่ยวกักขังและขมขืนกระทําชําเราผูเสียหาย



              ¼Å¸ÃÃÁ´Ò·Õè‹ÍÁà¡Ô´¢Öé¹ä´Œ
                          ÁÒμÃÒ öó ถาผลของการกระทําความผิดใดทําใหผูกระทําตองรับโทษหนักขึ้นผลของ

              การกระทําความผิดนั้นตองเปนผลที่ตามธรรมดายอมเกิดขึ้นได
                          คํา͸ԺÒÂ

                          ñ) àÃ×èͧ¹ÕéμŒÍ§ทํา¤ÇÒÁࢌÒã¨ãËŒ´Õà¾ÃÒÐ໚¹àÃ×èͧ¾ÄμÔ¡Òó
                               ตัวอยางที่เห็นไดชัดตามมาตรา ๖๓ นี้ ก็คือ เจตนาทําราย แตผลถึงตาย ตองรับผิด
              ตามมาตรา ๒๙๐ ฐานทํารายผูอื่นเปนเหตุใหถึงแกความตาย เพราะเปนผลที่ธรรมดายอมเกิดขึ้นได

              จะนํามาตรา ๖๓ ไปใชในกรณีที่วาเจตนาตอผลอยางหนึ่ง แตผลไดเกิดขึ้นนอกเหนือเจตนาไป
                          ®Õ¡Ò·Õè øùõ/òõðù  จําเลยใชกอนหินขวางผูเสียหาย ผูเสียหายหลบกอนหินก็ไมถูก

              ผูเสียหาย แตวาตอนที่ผูเสียหายหลบมือไปฟาดกับขางเรือมีบาดแผลบวมยาว ๔ เซนติเมตร
              กวาง ๒ เซนติเมตร ถือวาเปนผลโดยตรงจากการกระทําของจําเลย เพราะฉะนั้นจําเลยก็มีความผิดฐาน

              ทํารายรางกายผูเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90