Page 83 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 83

๗๐




                          ÊÃØ»¢ŒÍáμ¡μ‹Ò§ÃÐËNjҧ
                          ¡ÒáÃÐทําâ´Â¾ÅÒ´ (ÁÒμÃÒ öð) ¡Ñº¡ÒÃสํา¤ÑÞ¼Ô´ã¹μÑǺؤ¤Å (ÁÒμÃÒ öñ)


               ÁÒμÃÒ öð ¡ÒáÃÐทําâ´Â¾ÅÒ´                 ÁÒμÃÒ öñ ¡ÒÃสํา¤ÑÞ¼Ô´ã¹μÑǺؤ¤Å

               ๑)  มีบุคคลอยู ๓ ฝาย                    ๑)  มีบุคคลอยู ๒ ฝาย
               ๒)  ตองรับผิดฐานพยายามตอบุคคลแรกที่มุงหมาย ๒)  ไมตองรับผิดฐานพยายามตอบุคคลแรกที่
                 กระทําตอ ยกเวน ผลเกิดขึ้นกับบุคคลแรกดวย    มุงหมายกระทําตอ
                 ผูกระทําก็ตองรับผิดในผลของการกระทํานั้น

               ๓)  ฐานะหรือความสัมพันธหามโอน โดยอาง   ๓)  ฐานะหรือความสัมพันธหามโอน  โดยอาง
                 มาตรา ๖๐ ตอนทาย                          มาตรา ๖๒ วรรคทาย
               ๔)  ผลของการกระทําพลาดไป ถาความผิดสําเร็จ  ๔)  การกระทําผิดตัว ถาความผิดสําเร็จผูกระทําตอง
                 ผูกระทําตองรับผิดในผลของการกระทํานั้น    รับผิดในผลของการกระทํานั้น  แตถาไมสําเร็จ

                 แตถาไมสําเร็จผูกระทําตองรับผิดฐานพยายาม    ผูกระทําก็ตองรับผิดฐานพยายามสําหรับ
                 สําหรับการกระทําตอบุคคลที่ ๒             การกระทําตอบุคคลที่ถูกกระทํา




              ¤ÇÒÁสํา¤ÑÞ¼Ô´ã¹¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§

                          ÁÒμÃÒ öò “ขอเท็จจริงใด ถามีอยูจริงจะทําใหการกระทําไมเปนความผิด หรือทําให
              ผูกระทําไมตองไดรับโทษ หรือไดรับโทษนอยลง แมขอเท็จจริงนั้นจะไมมีอยูจริงแตผูกระทําสําคัญผิด

              วามีอยูจริง ผูกระทํายอมไมมีความผิด หรือไดรับยกเวนโทษ หรือไดรับโทษนอยลงแลวแตกรณี
                          ถาความไมรูขอเท็จจริงตามในวรรคสามแหงมาตรา ๕๙ หรือความสําคัญผิดวามีอยู
              จริงตามความในวรรคแรก ไดเกิดขึ้นดวยความประมาทของผูกระทําความผิด ใหผูกระทํารับผิด

              ฐานกระทําโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไวโดยเฉพาะวาการกระทํานั้นผูกระทําจะตองรับโทษ

              แมกระทําโดยประมาท
                          บุคคลจะตองรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยขอเท็จจริงใด บุคคลนั้นจะตองไดรูขอเท็จจริงนั้น”
                          ¤íÒ͸ԺÒÂ

                          ๑.  การสําคัญผิดในขอเท็จจริงตามมาตรา ๖๒ นี้ เปนบทบัญญัติใหเปนคุณแก
              ผูกระทําผิดโดยถือตามหลักเจตนาในการกระทําของบุคคลตามความเขาใจของผูกระทําในขณะ

              กระทําผิดนั้น แมขอเท็จจริงจะไมมีอยูจริง และการกระทํานั้นครบองคประกอบความผิดแลว
              แตผูกระทําไดกระทําเชนนั้นโดยเขาใจขอเท็จจริงเปนอีกอยางหนึ่ง ดังนี้ ตามมาตรา ๖๒ ใหวินิจฉัย

              ความผิดหรือความรับผิดตามความเขาใจในขอเท็จจริงของผูกระทําอยางที่เขาใจ ซึ่งขอเท็จจริงดังกลาวนี้
              จะไดมาจากพยานหลักฐาน ที่คูความนําสืบ ถาตามขอเท็จจริงที่ไดความนั้นเปนดังที่ผูกระทําเขาใจ

              การกระทํานั้นจะมีความผิดเพียงใดหรือไม ถาเห็นวาการกระทํานั้นไมเปนความผิดไมตองรับโทษ
              หรือรับโทษนอยลงก็ตองวินิจฉัยไปตามนั้น
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88