Page 164 - การหาข้อมูลทางการตลาด
P. 164
164
การจัดกลุ่ม (Classifying) หมายถึง การจัดข้อมูลโดยการแยกออกเป็นกลุ่มหรือ
การนําข้อมูลเกี่ยวกับการขายสินค้ามาแยกตามแผนกต่างๆ เช่น แยกเป็น ประเภทต่างๆ เช่น สินค้า
ที่อยู่ในแผนกกีฬา สินค้าที่อยู่ในแผนกเสื้อผ้าสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เป็นต้น ทําให้การ ค้นหาข้อมูลทําได้
ง่ายขึ้น และสะดวกสําหรับทํารายงานต่างๆ
2. การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดแบ่งกลุ่มเป็นแฟ้มแล้ว ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลําดับ ตัวเลข หรือ
ตัวอักษร หรือเพื่อให้เรียกใช้งานได้ง่าย ประหยัดเวลา ตัวอย่างการจัดเรียงข้อมูล เช่น การจัดเรียงบัตรข้อมูล
ผู้แต่งหนังสือในตูบัตรรายการของห้องสมุดตามลําดับตัวอักษร การจัดเรียง ชื่อคนในสมุดรายนามผู้ใช้
โทรศัพท์ ทําให้ค้นหาได้ง่าย
การจัดเรียงข้อมูล (Sorting) เป็นการเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก หรือมากไปหาน้อย เพื่อทําให้
ดูง่ายขึ้น ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้เร็วขึ้น เช่น การเรียงยอดขายของสินค้าจากมากไปหาน้อย เป็นต้น การ
เรียงลําดับข้อมูลจัดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การเรียงข้อมูลที่เป็นตัวเลข (Numeric) และการเรียงข้อมูลที่
เป็นตัวอักษร (Alphabetic) สําหรับการจัดเรียงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์นั้น ถ้าข้อมูลเป็นตัวอักษรจะ
จัดเรียงตามลําดับของรหัสแทนข้อมูล
3. การสรุปผล บางครั้งข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจํานวนมาก จําเป็นต้องมีการสรุปผลหรือ สร้างรายงาน
ย่อ เพื่อนําไปใช้ประโยชน์ ข้อมูลที่สรุปได้นี้อาจสื่อความหมายได้ดีกว่า เช่น สถิติ จํานวนยอดขายแยกตาม
เขตการขาย
การสรุปผล (Summarizing) หมายถึง การสรุปส่วนต่างๆ ของข้อมูลโดยย่อเอาเฉพาะ ส่วนที่เป็น
ใจความสําคัญ เพื่อเน้นจุดสําคัญและแนวโน้ม เช่น การนําข้อมูลมาแจงนับและทําเป็น ตารางการหายอดขาย
ของแต่ละแผนก ข้อมูลเหล่านี้ใช้สําหรับพิมพ์เป็นรายงานสรุปส่งขึ้นไปให้ ผู้บริหารระดับสูงเพื่อใช้ในการ
บริหารจัดการต่อไป
4. การคํานวณ ข้อมูลที่เก็บจํานวนมากบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่นําไปคํานวณเพื่อหา ผลลัพธ์ได้
ดังนั้นการสร้างสารสนเทศจากข้อมูลจึงอาศัยการคํานวณข้อมูลที่เก็บไว้ด้วย
การคํานวณ (Calculation) หมายถึง การนําข้อมูลที่เป็นตัวเลขมาทําการบวก ลบ คุณ หาร ยกกําลัง
เช่น การคํานวณภาษี การคํานวณค่าแรง เป็นต้น
5. การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยในการดําเนินการนี้สามารถแบ่งออกได้ 2 ระดับ คือ การ
วิเคราะห์ข้อมูลขั้นต้น และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง